https://he03.tci-thaijo.org/index.php/JHFC/issue/feed
วารสารสุขภาพและอาหารเชิงสร้างสรรค์
2024-12-27T15:45:04+07:00
Janpen Chantha-apichai
jhfc@pim.ac.th
Open Journal Systems
<p><strong>วารสารสุขภาพและอาหารเชิงสร้างสรรค์ </strong></p> <p><strong>ISSN 2985-1092 (Online) </strong></p> <p>วารสารสุขภาพและอาหารเชิงสร้างสรรค์เป็นวารสารวิชาการด้านการพยาบาลและสุขภาพทุกสาขา ระบบบริการสุขภาพ การจัดการข้อมูลสุขภาพ อาหารและบริการ เทคโนโลยีชีวภาพทางการแพทย์และอาหาร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร โภชนาการนวัตกรรมด้านสุขภาพและอาหาร และสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยจะเริ่มดำเนินการตีพิมพ์เผยแพร่ฉบับแรก ในปี พ.ศ. 2566 </p> <p> - ประเภทบทความที่เปิดรับ ได้แก่ บทความวิจัย บทความวิชาการ </p> <p> - ภาษาของบทความ ได้แก่ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ</p> <p><strong> - </strong>กำหนดเผยแพร่<strong> </strong>ปีละ 2 ฉบับ ฉบับที่ 1 เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน และฉบับที่ 2 เดือนกรกฎาคมถึงเดือนธันวาคม</p> <p> </p>
https://he03.tci-thaijo.org/index.php/JHFC/article/view/3291
การศึกษาปริมาณแป้งเมล็ดมะขามทดแทนแป้งสาลีที่เหมาะสมในการทำผลิตภัณฑ์คุกกี้
2024-10-11T15:18:13+07:00
ปัญจภัสร์ จิรณิศราวิทย์
parichatsoi@pim.ac.th
พนัชกร สุทธไชย
parichatsoi@pim.ac.th
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาหาปริมาณที่เหมาะสมในการนำแป้งเมล็ดมะขามมาทดแทนแป้งสาลีในการผลิตคุกกี้ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์คุกกี้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงขึ้นและเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภค โดยได้ทำการทดลองผลิตคุกกี้ 3 สูตร โดยมีอัตราส่วนการทดแทนแป้งสาลี:แป้งเล็ดมะขามที่ 50:50:, 25:75 และ 0:100 ตามลำดับ ผลการวิเคราะห์คุณภาทางเคมีและจุลินทรีย์ของแป้งเมล็ดมะขามพบว่า เป็นไปตามมาตรฐาน มอก. 638-2524 แป้งเมล็ดมะขามน้ำหนัก 100 กรัม ไม่พบจุลินทรีย์รวม ไม่พบการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ค่า aw 0.43 ค่าความขึ้นร้อยละ 6.36 เถ้าร้อยละ 0.20 จากการประเมินคุณภาพทางประสาทสัมผัสด้วยวิธีการให้คะแนนแบบ 9-point hedonic scale โดยกลุ่มผู้ทดสอบเป็นผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์ด้านเบเกอรี่และ รับประทานผลิตภัณฑ์เบเกอรี่อายุน้อยกว่า 21 ปี พบว่าสูตรที่ 1 และสูตรที่ 2 (แป้งสาลี:แป้งเมล็ดมะขาม = 50:50, 25:75) ได้รับความพึงพอใจทางประสาทสัมผัสในทุกด้าน ยกเว้นด้านความชอบโดยรวมและลักษณะที่ปรากฏ เมื่อพิจารณาคะแนนความพอดี พบว่าสูตรที่ 1 มีความพอดีในทุกด้าน ดังนั้นจึงเลือกสูตรที่ 1 ที่ทดแทน แป้งสาลีด้วยแป้งเมล็ดมะขาม 50% เป็นสูตรที่เหมาะสมที่สุดในการผลิตคุกกี้ และผู้ทดสอบทั้งหมดให้การยอมรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ผลการศึกษาครั้งนี้พบว่า แป้งเมล็ดมะชามสามารถนำมาทดแทนแป้งสาลีเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ</p>
2024-12-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารสุขภาพและอาหารเชิงสร้างสรรค์
https://he03.tci-thaijo.org/index.php/JHFC/article/view/3292
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลาแผ่นอบกรอบจากพืชโปรตีนสูง
2024-10-11T15:31:15+07:00
อัจฉรียา นพวิญญูวงศ์
atchareeyanop@pim.ac.th
เพชรรัตน์ เจ๊ะหวัน
atchareeyanop@pim.ac.th
ผกาพรรณ กองแก้ว
atchareeyanop@pim.ac.th
สุนิสา สอนดี
atchareeyanop@pim.ac.th
มนสิชา บุญทำดี
atchareeyanop@pim.ac.th
จุฑามาศ สังข์สินธุ์ไชย
atchareeyanop@pim.ac.th
ปณิธี สุวรรณอมรเลิศ
atchareeyanop@pim.ac.th
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลาแผ่นอบกรอบจากเห็ดแครง ถั่วแดง และแป้งข้าวเหนียวทดแทนการใช้เนื้อปลา โดยทำการศึกษาอัตราส่วนของเห็ดแครง ถั่วแดง และแป้งข้าวเหนียว ทั้งหมด 4 สูตร ได้แก่ 50:40:10 (สูตร 1) 70:20:10 (สูตร 2) 75:20:5 (สูตร 3) และ 70:25:5 (สูตร 4) ตามลำดับ จากนั้นภายหลังอบแห้ง จะนำมาวิเคราะห์คุณภาพทางกายภาพ และประเมินคุณลักษณะทางประสาทสัมผัสของผลิตภัณฑ์ โดยมีผู้ทดสอบชิมจำนวน 50 คน ด้วยวิธีการให้คะแนนความชอบ 9 ระดับ พบว่าภายหลังอบแห้งผลิตภัณฑ์ ทั้ง 4 สูตร มีความหนา 0.55-0.72 มิลลิเมตร และปริมาณความชื้นอยู่ระหว่างร้อยละ 5.56-6.75 โดยเมื่อเพิ่มปริมาณเห็ดแครงมากขึ้น ทำให้ค่า a* ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) การประเมินคุณลักษณะทางประสาทสัมผัสพบว่า สูตร 1 ได้รับคะแนนความชอบด้านสี (7.28 ± 1.90) กลิ่นเห็ดแครง (7.20 ± 1.62) รสเค็ม (7.22 ± 1.37) รสหวาน (7.04 ± 1.74) และความชอบโดยรวม (7.20 ± 1.69) สูงที่สุด ถึงแม้ว่าคะแนน ความชอบด้านกลิ่นถั่วแดง และความกรอบในสูตร 1 น้อยกว่าสูตร 4 แต่ผู้บริโภคให้การยอมรับผลิตภัณฑ์ สูตร 1 มากที่สุด (ร้อยละ 32) รองลงมาคือสูตร 4 (ร้อยละ 26) สูตร (ร้อยละ 20) และสูตร 3 (ร้อยละ 12) ตามลำดับ โดยผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 สูตร ได้รับการยอมรับรับคิดเป็นร้อยละ 90 ของผู้ทดสอบทั้งหมด ดังนั้งนั้นเนื่อปลาจากพืชสามารถใช้ส่วนผสมของเห็ดแครง ถั่วแดง และแป้งข้าวเหนียว ในอัตราส่วน 50:40:10 ทดแทนเนื้อปลาได้</p>
2024-12-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารสุขภาพและอาหารเชิงสร้างสรรค์
https://he03.tci-thaijo.org/index.php/JHFC/article/view/3313
ปัจจัยที่มีผลต่อการซื้อซํ้าของอาหารเสริมเพื่อบํารุงผิวพรรณในร้านค้าปลีกสมัยใหม่: กรณีศึกษาผู้บริโภคกลุ่ม Generation Z ในเขตพื้นที่ อําเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
2024-10-11T16:00:33+07:00
กิจปฏิภาณ วัฒนประจักษ์
kitpatiparnwat@pim.ac.th
วิไลลักษณา สร้อยคีรี
kitpatiparnwat@pim.ac.th
<p>งานวิจัยชิ้นนี้มีจุดประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมการซื้อสินค้าประเภทอาหารเสริมเพื่อบำารุงผิวพรรณในร้านค้าปลีกสมัยใหม่ของประชากรในกลุ่ม Generation Z ในเขตพื้นท อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี 2) ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อซ้ำผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อบำรุงผิวพรรณในร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ของประชากรในกลุ่ม Generation Z ในเขตพื้นที่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี มีการเก็บข้อมูล โดยใช้ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน และใช้แบบสอบถามออนไลน์ในการเก็บข้อมูล ในพื้นที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนา ประกอบด้วย ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน คือ การวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นพหุคูณ</p> <p>ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความถี่ในการซื้ออาหารเสริมบำรุง ผิวพรรณนาน ๆ ครั้ง และซื้อผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อเป็นหลัก ผลการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณ โดยใช้สมการ Y = 0.79 + 0.111X<sub>Know </sub>+ 0.094X<sub>Consc</sub> + 0.405X<sub>Loyal</sub> + 0.239X<sub>Market </sub>+ ϵ พบว่าปัจจัยด้านความซื่อสัตย์ต่อตราสินค้าเป็นปัจจัยที่มีผลในระดับสูงที่สุด รองลงมาคือ ปัจจัยด้านการตลาด ดังนั้นผู้ประกอบการควรมุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมั่นและความภักดีต่อตราสินค้า รวมถึงการใช้กลยุทธ์การตลาดเน้นการสร้างภาพลักษณ์ที่เป็น มิตรกับสุขภาพและการใช้ช่องทางออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ</p>
2024-12-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารสุขภาพและอาหารเชิงสร้างสรรค์
https://he03.tci-thaijo.org/index.php/JHFC/article/view/3496
ความต้องการรูปแบบการติดตามภาวะสุขภาพที่เกี่ยวกับการหกล้มของผู้สูงอายุ ภายใต้การเชื่อมต่อด้วยอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง
2024-10-29T14:37:13+07:00
สุพิชชพงศ์ ธนาเกียรติภิญโญ
supitchapongjournal@gmail.com
ฬุฬีญา โอชารส
supitchapongjournal@gmail.com
กู้เกียรติ ทุดปอ
supitchapongjournal@gmail.com
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการรูปแบบการติดตามภาวะสุขภาพเกี่ยวกับการหกล้มของผู้สูงอายุภายใต้การเชื่อมต่อด้วยอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง เพื่อเป็นข้อมูลในการพัฒนารูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศและนำไปใช้ในการติดตามภาวะสุขภาพเกี่ยวกับการหกล้มของผู้สูงอายุ โดยใช้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อด้วยอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things, IoT) ซึ่งเป็นการเชื่อมต่ออุปกรณ์ตรวจวัดข้อมูลทางชีวภาพแบบสวมใส่ (Smart Wearable) กับโปรแกรมประยุกต์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile Application) โดยอินเทอร์เน็ตเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้สูงอายุที่มารับบริการในโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ จังหวัดชลบุรี จำนวน 100 คน โดยใช้แบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีค่า CVI เท่ากับ 0.9 วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปและข้อมูลความต้องการรูปแบบการติดตามภาวะสุขภาพเกี่ยวกับการหกล้มของผู้สูงอายุด้วยสถิติเชิงพรรณนา</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 79 ให้ความเห็นว่ารูปแบบการติดตามภาวะสุขภาพเกี่ยวกับการหกล้มของผู้สูงอายุภายใต้การเชื่อมต่อด้วยอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่งเป็นแบบสวมบริเวณข้อมือ และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 100 มีความต้องการอุปกรณ์และแอปพลิเคชันที่มีความสามารถการตรวจจับขณะที่มีการหกล้มเกิดขึ้น สามารถทำการติดต่อผู้ช่วยเหลือ ผู้ดูแล ญาติที่ใกล้ชิด โดยอัตโนมัติผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือเพื่อให้มาช่วยเหลือและมีบริการให้ข้อมูล กรณีมีเหตุฉุกเฉินตามพื้นที่ใกล้เคียงด้วย</p>
2024-12-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารสุขภาพและอาหารเชิงสร้างสรรค์
https://he03.tci-thaijo.org/index.php/JHFC/article/view/2861
การพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมี่มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดจากสายสวนหลอดเลือด
2024-08-17T15:03:25+07:00
รุ่งฤดี ศรีสุข
rung.za1605@gmail.com
อริศรา ตาคำ
arrisarata@gmail.com
<p><span class="fontstyle0">โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายเป็นโรคที่เกิดจากไตสูญเสียหน้าที่การทำางานอย่างถาวรทำให้เกิดของเสียคั่งในร่างกาย ดังนั้นผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยและเป็นอันตรายถึงชีวิตของผู้ป่วยที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมคือ ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดจากสายสวนหลอดเลือด พยาบาลจึงมีบทบาทสำาคัญและต้องมีความรู้ความเข้าใจในการประเมิน วางแผน ดูแลและติดตามผลการพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมเพื่อนำไปสู่การเกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้ป่วย บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนความรู้เกี่ยวกับคำจำกัดความ สายสวนหลอดเลือดที่ใช้ในการฟอกเลือด ประเภทของการติดเชื้อ กลไกและปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ การวินิจฉัย การรักษาภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดจากสายสวนหลอดเลือด และการพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดจากสายสวนหลอดเลือดทั้ง 3 ระยะคือ ก่อน ขณะ และหลังฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน ป้องกันการติดเชื้อซ้ำ และผู้ป่วยสามารถดูแลตนเอง เพื่อป้องกันติดเชื้อในกระแสเลือดจากสายสวนหลอดเลือดได้</span></p>
2024-12-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารสุขภาพและอาหารเชิงสร้างสรรค์
https://he03.tci-thaijo.org/index.php/JHFC/article/view/3603
การลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ: บทบาทของพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยวิกฤตในการเคลื่อนย้ายทางอากาศ
2024-12-09T13:38:12+07:00
วรางคณา ไชยวรรณ
warangkanacha@pim.ac.th
<p>การลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศเป็นการส่งต่อผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว เพื่อลดอัตราการบาดเจ็บ ทุพพลภาพ และเสียชีวิต ผู้ป่วยมีโอกาสเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลที่มีศักยภาพ พยาบาลที่ดูแลผู้ป่วย ขณะลำเลียงทางอากาศต้องมีความรู้เรื่องหลักการสำคัญของการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศ ประกอบด้วยสรีรวิทยาการบิน ความเครียดจากการบิน การเตรียมอุปกรณ์การแพทย์ที่เหมาะสมและเพียงพอกับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ การจดประเภทผู้ป่วยก่อนลำเลียงทางอากาศ ความเข้าใจถึงบทบาทพยาบาล ในการดูแลผู้ป่วยก่อนลำเลียง ได้แก่ การวางแผนปฏิบัติภารกิจการลำเลียง การเตรียมความพร้อมของร่างกาย และจิตใจของพยาบาล การศึกษาข้อมูลชนิดของอากาศยาน อัตราการจัดบรรทุก เส้นทางการบิน ระยะทาง ระยะเวลา สภาพอากาศ และระดับความสูงที่ใช้ในการบิน รวมทั้งตระหนักถึงบทบาทพยาบาลขณะลำเลียง และหลังการลำเลียง การทำาหัตถการทางการพยาบาลตามขอบเขตโดยยึดหลักการพยาบาลที่สำาคัญ คือ ความปลอดภัยระหว่างการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ</p> <p>บทความนี้นำเสนอบทบาทของพยาบาลในการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศยาน และเป็นแนวทางใน การพัฒนาบุคลากรเพื่อเตรียมความพร้อมในการดูแลผู้ป่วย ซึ่งจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและบาดเจ็บขณะ นำส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาล</p>
2024-12-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารสุขภาพและอาหารเชิงสร้างสรรค์