https://he03.tci-thaijo.org/index.php/RJJ/issue/feed วารสารราชานุกูล 2025-09-25T16:30:13+07:00 Chadapim Phoasavasdi journal.raja2014@gmail.com Open Journal Systems <p><strong>ISSN: </strong>3056-9095 (Print)<strong> ISSN: </strong>3056-9168 (Online)</p> <p><strong>กำหนดออก</strong> : 2 ฉบับต่อปี ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน และฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม</p> <p><strong>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์ : </strong>วารสารราชานุกูลมีนโยบายรับตีพิมพ์การศึกษาวิจัยหรือข้อมูลวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูพัฒนาการเด็ก ทั้ง 5 ด้าน อันประกอบด้วย 1) ด้านการเคลื่อนไหว ทั้งกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (Gross Motor) และกล้ามเนื้อมัดเล็ก (Fine Motor) 2) ด้านสติปัญญา/การรู้คิด (Intelligence/Cognition) 3) ด้านภาษาและการสื่อสาร ทั้งการเข้าใจภาษา (Receptive Language) และการใช้ภาษา (Expressive Language) 4) ด้านการช่วยเหลือตนเอง (Self-help personal) และ 5) ด้านทักษะอารมณ์และสังคม (Social and Emotional Skills) รวมไปถึงภาวะบกพร่องทางสติปัญญา (Intellectual Disability) และโรคพัฒนาการระบบประสาท (Neurodevelopmental Disorders) อื่นๆ โรคที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการเด็ก (Child Developmental Disorders) และยังรวมถึงสุขภาพจิตเด็ก วัยรุ่น และครอบครัว ภายใต้กระบวนการค้นคว้าของสหสาขาวิชาชีพสาขาต่างๆ ได้แก่ แพทย์ จิตแพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา นักจิตวิทยาคลินิก นักสังคมสงเคราะห์ เภสัชกร นักกิจกรรมบำบัด นักกายภาพบำบัด นักเวชศาสตร์การสื่อความหมาย นักการศึกษา นักวิชาการศึกษาพิเศษ นักโภชนาการ นักเทคนิคการแพทย์ และอื่นๆ ที่ปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง”</p> https://he03.tci-thaijo.org/index.php/RJJ/article/view/2889 ภาวะสุขภาพจิตจากการประเมินตนเองออนไลน์ของนักเรียน ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ที่เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย 2024-07-19T09:46:51+07:00 ศุจิมน มังคลรังษี khunsujimon.m@gmail.com เอกศรัญญ์ เอกอัครเจริญสิน eksaran2007@gmail.com ตมิสา ยืนหยัดชัย Alec.yuenyadchai@gmail.com ชนานันท์​ พิริย​เลิศ​ศักดิ์​ airatungs@gmail.com กมลนัทธ์ ธรรมไกรสร kamonnatthamakaison@gmail.com สิริมา พลเทพ ininsirima@gmail.com นันทิน เจริญวัฒนา nuntin.c@gmail.com <p>-</p> 2025-09-25T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Sujimon Mungkalarungsi, เอกศรัญญ์ เอกอัครเจริญสิน, ตมิสา ยืนหยัดชัย, ชนานันท์​ พิริย​เลิศ​ศักดิ์​, กมลนัทธ์ ธรรมไกรสร, สิริมา พลเทพ, นันทิน เจริญวัฒนา https://he03.tci-thaijo.org/index.php/RJJ/article/view/4770 โครงงานการศึกษาประสิทธิภาพของการฝึกสมาธิเพื่อพัฒนาศักยภาพของสมอง ด้านการเรียนรู้และความจำด้วยองค์ความรู้ประสาทวิทยาศาสตร์ (Neuroscience) และจิตวิทยาพัฒนาการ (Developmental Psychology) 2025-09-25T16:09:32+07:00 สรวิชญ์ ธรรมจักร์ sorawich200450@gmail.com คริสเตียนา เฟบิรี sorawich200450@gmail.com <p>-</p> 2025-09-25T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สรวิชญ์ ธรรมจักร, คริสเตียนา เฟบิรี https://he03.tci-thaijo.org/index.php/RJJ/article/view/1538 ผลการใช้โปรแกรมบางพูนโมเดลต่อคุณภาพชีวิต ของผู้บกพร่องทางสติปัญญา อายุ 15 – 35 ปี 2024-05-15T14:11:18+07:00 วรรณนภา เปรมปรีดา tonchu@gmail.com ดวงกมล อิ่มเอิบ bangpoonraja@gmail.com อัสศลาพัชฐ์ ผ่องแผ้ว assalapatp@gmail.com <p><strong>วัตถุประสงค์ </strong>เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมบางพูนโมเดลต่อคุณภาพชีวิตของผู้บกพร่องทางสติปัญญา อายุ<br />15 – 35 ปี และเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตฯ ก่อนและหลังได้รับโปรแกรม</p> <p><strong>วัสดุและวิธีการ</strong> การวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลัง กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง เป็นผู้บกพร่องทางสติปัญญา อายุ 15 – 35 ปี ที่รับบริการประเภทผู้ป่วยใน ณ ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพ<br />ราชานุกูล (บางพูน) ปีงบประมาณ 2564 จำนวน 15 ราย ได้รับการพยาบาลโดยใช้โปรแกรมบางพูนโมเดล เพื่อฝึกทักษะ 2 ด้าน ได้แก่ ทักษะการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันที่ซับซ้อน (Instrumental Activities of Daily Living : IADL) และทักษะเกษตรอินทรีย์ รวมทั้งสิ้น 7 สัปดาห์ ๆ ละ 5 วัน ๆ ละ 5 ชั่วโมง ประเมินผลก่อนและหลังโปรแกรมโดยใช้ 1) แบบวัดคุณภาพชีวิตขององค์การอนามัยโลก ชุดย่อฉบับภาษาไทย (WHOQOL-BREF-THAI) ค่าความเชื่อมั่น .84 2) แบบประเมินทักษะการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันที่ซับซ้อน (IADL) และ 3) แบบประเมินทักษะเกษตรอินทรีย์ ค่าความตรงตามเนื้อหา .91 และ .83 ตามลำดับ เครื่องมือทั้ง 2 ฉบับผ่านการตรวจสอบค่าความเชื่อมั่นระหว่าง<br />ผู้ประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ค่าความเชื่อมั่น .83 และ .88 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ Paired Sample t-test และ Wilcoxon Signed-Rank test</p> <p><strong>ผล </strong>คุณภาพชีวิตของผู้บกพร่องทางสติปัญญาฯ หลังได้รับโปรแกรม (Mean = 85.53, SD = 11.13) สูงกว่าก่อนได้รับโปรแกรม (Mean=73.20, SD=10.94) ทักษะการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันที่ซับซ้อน (IADL) หลังได้รับโปรแกรม (Mean = 58.13, SD = 18.95) สูงกว่าก่อนได้รับโปรแกรม (Mean = 73.60, SD = 22.59) 2) และทักษะเกษตรอินทรีย์หลังได้รับโปรแกรม (Mean = 46.60, SD = 15.63) สูงกว่าก่อนได้รับโปรแกรม (Mean = 37.27,<br />SD = 16.33) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p&lt;.001)</p> <p><strong>สรุป </strong>โปรแกรมบางพูนโมเดลเหมาะสมต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้บกพร่องทางสติปัญญา อายุ15 – 35 ปี สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลทางการพยาบาลได้</p> 2025-09-25T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วรรณนภา เปรมปรีดา, ดวงกมล อิ่มเอิบ, อัสศลาพัชฐ์ ผ่องแผ้ว https://he03.tci-thaijo.org/index.php/RJJ/article/view/3186 ประสิทธิผลของการฝึกควบคุมการรู้คิดในการลดการเกิดภาวะการย้ำครุ่นคิดในผู้ป่วยซึมเศร้าวัยผู้ใหญ่: การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ 2024-09-12T09:01:25+07:00 ธนัชพร บราวน์ thanatchaporn.brown@gmail.com เจสสิกา ฟิช Jessica.Fish@glasgow.ac.uk <p><strong>วัตถุประสงค์ </strong>เพื่อศึกษาประสิทธิผลของการฝึกควบคุมการรู้คิด (Cognitive Control Training: CCT) ในการช่วยลดภาวะการย้ำครุ่นคิด (rumination) ในผู้ป่วยโรคซึมเศร้า และการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ของภาวะการย้ำครุ่นคิดจากการทำ CCT เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของทักษะการทำงานเชิงบริหารของสมองส่วนหน้า (executive function) หรือไม่</p> <p><strong>วัสดุและวิธีการ</strong> ศึกษาจากการค้นหางานวิจัยจากฐานข้อมูล Web of Science MEDLINE และ APA PsycINFO ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2552 ถึงวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 จากคำหลักที่เกี่ยวข้องกับ CCT และภาวะซึมเศร้า เกณฑ์การคัดเลือกคือ 1) การศึกษาที่มีการวัดภาวะย้ำคิดก่อนและหลังการทำ CCT ในผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า;<br />2) ผู้เข้าร่วมเป็นผู้ใหญ่ที่ได้รับการวินิจฉัยด้วยภาวะซึมเศร้า 3) ใช้ CCT ที่พัฒนาโดย Siegle และคณะ หรือ Wells หรือเวอร์ชันดัดแปลงของ Paced Auditory Serial Addition Task (aPASAT) ประเมินคุณภาพของการศึกษาโดยผู้ประเมินสองคน ด้วยเครื่องมือเกณฑ์การประเมินคุณภาพมาตรฐาน (QualSyst) ข้อมูลที่รวบรวมได้จากการศึกษาถูกสังเคราะห์ในรูปแบบตารางสรุปและบทสรุปเชิงบรรยาย</p> <p><strong>ผล </strong>จากการค้นหางานวิจัยทั้งหมด 464 เรื่อง พบการศึกษา 8 เรื่อง ที่เข้าเกณฑ์ในการทบทวนนี้ โดยแต่ละงานวิจัยมีความแตกต่างกัน ผลการศึกษาพบว่าหลังการฝึก CCT ภาวะย้ำครุ่นคิดลดลงอย่างมากเมื่อเวลาผ่านไปโดยพบความแตกต่างที่มีนัยสำคัญระหว่างกลุ่มฝึก CCT และกลุ่มควบคุม ในกลุ่ม CCT พบการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นหลังการฝึกอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม และพบว่าการรบกวนการทำงานของการรู้คิด ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ทั้งในกลุ่มฝึก CCT และกลุ่มควบคุม โดยการศึกษาส่วนใหญ่พบขนาดอิทธิพล (effect size) ขนาดใหญ่ของการย้ำครุ่นคิดที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเวลาผ่านไปหลังการฝึก</p> <p><strong>สรุป </strong>CCT มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงหลังการฝึกที่ดีขึ้น ทั้งในด้านการลดภาวะย้ำครุ่นคิด (rumination) และทักษะการทำงานเชิงบริหารของสมองส่วนหน้า (executive function) ทั้งนี้การทบทวนนี้มีข้อจำกัดคือมีผู้ประเมินเพียงคนเดียวในกระบวนการคัดเลือก และการทบทวนนี้ศึกษาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งของ CCT เท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมถึงทุกรูปแบบของ CCT</p> 2025-09-25T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ธนัชพร บราวน์, เจสสิกา ฟิช https://he03.tci-thaijo.org/index.php/RJJ/article/view/2595 พัฒนาโปรแกรมการฝึกทางกิจกรรมบำบัดด้านการหยิบจับ และความพร้อมด้านการเขียนในเด็กบกพร่องทางสติปัญญาสำหรับครู 2024-12-23T13:41:26+07:00 ผกาวรรณ สุทธิวงศ์ phakawan2514@hotmail.com <p><strong>วัตถุประสงค์ </strong>เพื่อพัฒนาโปรแกรมสำหรับครูด้านการคัดกรองและการส่งเสริมพัฒนาการทางกิจกรรมบำบัดด้านการหยิบจับเบื้องต้น และความพร้อมด้านการเขียน แก่เด็กบกพร่องทางสติปัญญารายบุคคล </p> <p><strong>วัสดุและวิธีการ</strong> กลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กบกพร่องทางสติปัญญาอายุระหว่าง 5 – 14 ปี ที่มารับบริการที่ศูนย์พัฒนาเด็กพิเศษชุมชนคลองเตย ศูนย์พัฒนาเด็กพิเศษชุมชนทุ่งสองห้อง ในมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ทั้งหมด 63 คน และครูผู้ดูแลศูนย์พัฒนาเด็กพิเศษทั้งหมด 12 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ โปรแกรมสำหรับครูด้านการคัดกรอง การฝึกหยิบจับเบื้องต้นและความพร้อมด้านการเขียน ที่พัฒนาจากแบบประเมินมาตรฐาน PDM-2 และ Beery VMI 6 ผ่านการประเมินความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาและทดสอบแล้วว่ามีค่าความเชื่อมั่นระดับสูง ครูผู้ดูแลได้รับการอบรมด้านการคัดกรอง การฝึกหยิบจับเบื้องต้นและความพร้อมด้านการเขียนตามโปรแกรม และนำความรู้ไปฝึกเด็กในชั้นเรียนแบบรายบุคคลอย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ๆ ละ 30 – 45 นาทีขึ้นไป รวมเป็น 24 ครั้ง ในระยะเวลา 3 เดือน ผู้วิจัยทดสอบความสามารถในการหยิบจับและความพร้อมด้านการเขียนเปรียบเทียบก่อนและหลังการทดลอง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ Paired T- Test ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05</p> <p><strong>ผล </strong>หลังการอบรมครูผู้ดูแลมีความรู้เพิ่มขึ้นด้านการคัดกรองการฝึกหยิบจับเบื้องต้น และความพร้อมด้านการเขียน เด็กบกพร่องทางสติปัญญามีคะแนนด้านการฝึกหยิบจับ และความพร้อมด้านการเขียนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังการฝึกตามโปรแกรม โดยมีคะแนนเพิ่มขึ้นทั้งทักษะการใช้มือ ทักษะการหยิบจับร่วมกับการมอง และทักษะพื้นฐานการเขียน</p> <p><strong>สรุป </strong>โปรแกรมการฝึกทางกิจกรรมบำบัดสามารถพัฒนาทักษะด้านการหยิบจับและความพร้อมด้านการเขียนในเด็กบกพร่องทางสติปัญญา ซึ่งครูผู้ดูแลควรมีความรู้ด้านการคัดกรอง การฝึกความสามารถด้านการหยิบจับเบื้องต้น และความพร้อมด้านการเขียนแบบรายบุคคล เพื่อช่วยส่งเสริมทักษะพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับเด็กบกพร่องทางสติปัญญา ให้สามารถพัฒนาทักษะเมื่อเข้าสู่วัยเรียนได้ตามศักยภาพ</p> 2025-09-25T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ผกาวรรณ สุทธิวงศ์ https://he03.tci-thaijo.org/index.php/RJJ/article/view/3505 ผลของชุดฝึกการสอนเขียนพยัญชนะไทย แบบกลุ่มการเขียนหัวเดียว (ตามเข็มนาฬิกา) ของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา 2024-11-06T10:31:03+07:00 สุพรทิพย์ ภุมมา aor.pummar@gmail.com <p><strong>วัตถุประสงค์ </strong>เพื่อสร้างและประเมินประสิทธิภาพของชุดฝึกการสอนเขียนพยัญชนะไทยแบบกลุ่มการเขียนหัวเดียว (ตามเข็มนาฬิกา) ของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา</p> <p><strong>วัสดุและวิธีการ</strong> การศึกษากึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียว โดยการเปรียบเทียบผลการเขียนพยัญชนะไทยก่อนและหลังการทดลอง คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจงเป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา จำนวน 13 คน ที่เข้ารับบริการ ณ กลุ่มงานการศึกษาพิเศษ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ 1) ชุดฝึกการสอนเขียนพยัญชนะไทยแบบกลุ่มการเขียนหัวเดียว (ตามเข็มนาฬิกา) แบ่งออกเป็น แผนการสอน สื่อการสอน และแบบฝึกหัดการเขียน ฯ โดยใช้เวลาฝึก 13 สัปดาห์ ๆ ละ 4 ครั้ง ๆ ละ 45 นาที และ 2) แบบประเมินการเขียน ฯ การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้เกณฑ์การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของชุดฝึกการสอนเขียนฯ โดยใช้ค่าการประเมินประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) และประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) โดยกำหนดเกณฑ์ E1/E2 คือ 80/80 และใช้สถิติ The Wilcoxon Signed-ranks Test</p> <p><strong>ผล </strong>ชุดฝึกการสอนเขียนพยัญชนะไทยแบบกลุ่มการเขียนหัวเดียว (ตามเข็มนาฬิกา) ของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา มีค่าประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 83.06/81.54 และคะแนนความสามารถจากการฝึกการสอนเขียน ฯ หลังการทดลองเพิ่มขึ้นกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p> <p><strong>สรุป </strong>ชุดฝึกการสอนเขียน ฯ ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ สามารถทำให้เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาระดับปานกลางมีความสามารถเขียนพยัญชนะภาษาไทยแบบกลุ่มการเขียนหัวเดียว (ตามเข็มนาฬิกา) เพิ่มขึ้น</p> 2025-09-25T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สุพรทิพย์ ภุมมา