วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพสุรนารี https://he03.tci-thaijo.org/index.php/SJHSci <p>วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพสุรนารี เป็นวารสารที่เผยแพร่ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพที่มีคุณภาพ เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ตลอดจนเป็นแหล่งอ้างอิงทางวิชาการที่มีคุณภาพของอาจารย์และนักศึกษา บุคลากรสุขภาพจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจัดพิมพ์ราย 6 เดือน (ปีละ 2 ฉบับ ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถุนายน / ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม)</p> en-US sjhsci@g.sut.ac.th (Assistant Professor Dr. Suparpit Maneesakorn von Bormann) sjhsci@g.sut.ac.th (Suranaree Journal of Health Science) Fri, 04 Jul 2025 15:34:30 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การพัฒนารูปแบบบริการเมทาโดนผ่านศูนย์ลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติด (Drop-in center) ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย การวิจัยและพัฒนา https://he03.tci-thaijo.org/index.php/SJHSci/article/view/4335 <p>การวิจัยและพัฒนา (Research and Development) มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษารูปแบบการให้บริการเมทาโดนผ่านศูนย์ลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และ 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการให้บริการเมทาโดนผ่านศูนย์ลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยใช้เทคนิคการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) การสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม (Non-participatory observation) และใช้การยืนยันข้อมูลแบบสามเส้า (Triangulation)</p> <p>กลุ่มเป้าหมายคือ เจ้าหน้าที่/เครือข่ายศูนย์ Drop-in center ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย จำนวน 10 คนและกลุ่มผู้ที่ใช้สารเสพติดประเภทโอปิออยด์ที่เข้ารับบริการศูนย์ Drop-in center พื้นที่จังหวัดเชียงราย จำนวน 30 คน เครื่องมือในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์ มีโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าเฉลี่ยร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการให้บริการเมทาโดนในศูนย์ลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ได้เน้นแนวคิดในการลดอันตราย ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงผู้ใช้ยาโดยไม่ได้ตั้งเป้าหมายเพียงแค่การเลิกใช้ยาเท่านั้น แต่เพื่อการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตมากขึ้น รูปแบบบริการเมทาโดนฯ ที่พัฒนาขึ้นจึงเน้นความยืดหยุ่น สอดคล้องกับบริบทของผู้รับบริการและการทำงานของเจ้าหน้าที่/เครือข่ายศูนย์ Drop-in center ตามบริบทของพื้นที่ให้บริการเชื่อมโยงบูรณาการงานพัฒนาระบบบริการ ได้แก่ งานยาเสพติด การคัดกรองไวรัสเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบซี ไวรัสตับอักเสบบี โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และวัณโรค สอดคล้องกับบริบทของผู้รับบริการและการทำงานของเจ้าหน้าที่/เครือข่ายศูนย์ Drop-in center โดยระบบบริการที่พัฒนารองรับการใช้งานทั้งในรูปแบบคอมพิวเตอร์และแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ทุกระบบปฏิบัติการ</p> <p>เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครือข่ายศูนย์ Drop-in center ส่งเสริมการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้รับบริการให้เข้าถึงบริการได้สะดวก รวดเร็วและต่อเนื่อง อันเป็นปัจจัยสำคัญนำไปสู่การพัฒนาระบบบริการในภาพรวมนำไปสู่การยอมรับทั้งในระดับรายบุคคลและระดับองค์กรต่อไป</p> อรุณภัสร์ อมรโชคกุลพันธ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he03.tci-thaijo.org/index.php/SJHSci/article/view/4335 Thu, 11 Dec 2025 00:00:00 +0700 รูปแบบการพัฒนาศักยภาพเยาวชนต้นแบบเก่งและดี TO BE NUMBER ONE IDOL จังหวัดเชียงราย https://he03.tci-thaijo.org/index.php/SJHSci/article/view/4342 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างศักยภาพเยาวชนต้นแบบเก่งและดี TO BE NUMBER ONE IDOL จังหวัดเชียงราย เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ในลักษณะของวิธีการแบบผสมผสาน (Mixed Methods) แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 1) ศึกษาสถานการณ์การดำเนินโครงการ 2) พัฒนารูปแบบการส่งเสริมศักยภาพเยาวชน และ 3) ศึกษาผลของการพัฒนาในด้านการเห็นคุณค่าในตนเอง การจัดการตนเอง และทักษะชีวิต กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ เยาวชนอายุ 13 - 18 ปี ครู บุคลากรทางการศึกษา ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่โครงการ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยสถิติเชิงพรรณนา และเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหาและวิธี Triangulation</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) โครงการมีจุดแข็งด้านกระบวนการอบรม เช่น ค่าย Training for Leader และ Pre-IDOL Camp ที่ตอบโจทย์วัยรุ่นได้ดี 2) รูปแบบที่พัฒนาขึ้นชื่อ “The Ultimate Leader Program” เน้นพัฒนาเยาวชนทั้งด้านความสามารถและคุณธรรม ผ่านกิจกรรมฝึกอบรม กิจกรรมธรรมะเด็กดี และแนวคิด “เล่น - เรียน - เปลี่ยน - เป็น” โดยมีครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และพี่เลี้ยงเป็นกลไกสนับสนุน 3) เยาวชนมีระดับการเห็นคุณค่าในตนเองสูง การจัดการตนเองและทักษะชีวิตในระดับดี สะท้อนว่าโครงการ TO BE NUMBER ONE มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมศักยภาพด้านพฤติกรรมและจิตใจของเยาวชน โดยเฉพาะในด้านการป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงและปัญหายาเสพติด ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลักของโครงการที่มุ่งสร้างภูมิคุ้มกันทางใจ ลดความเสี่ยงในการเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวกในระยะยาว</p> <p>ข้อเสนอแนะคือ ควรส่งเสริมการขยายผลรูปแบบไปยังพื้นที่อื่น พร้อมพัฒนาเครือข่ายพี่เลี้ยงและระบบติดตามประเมินผล เพื่อความยั่งยืนในการพัฒนาเยาวชน</p> Suwaporn Jittplecheep ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he03.tci-thaijo.org/index.php/SJHSci/article/view/4342 Fri, 15 Aug 2025 00:00:00 +0700 การขับเคลื่อนการจัดการเปลี่ยนแปลงด้วย AI เพื่อสมดุล ชีวิตการทำงานในวิชาชีพพยาบาล https://he03.tci-thaijo.org/index.php/SJHSci/article/view/4352 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence; AI) ในการขับเคลื่อนการจัดการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับปรุงสมดุลชีวิตการทำงานในวิชาชีพพยาบาล องค์กรด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านภาวะหมดไฟของพยาบาล อัตราการลาออกสูง และการขาดแคลนบุคลากร งานวิจัยนี้ใช้วิธีการทบทวนวรรณกรรมล่าสุดและศึกษากรณีตัวอย่างจากสถาบันชั้นนำ เพื่อวิเคราะห์วิธีการที่ AI สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมการทำงานของพยาบาลผ่าน 3 มิติหลัก ได้แก่ การจัดตารางงานอัจฉริยะที่ลดการทำงานล่วงเวลา 28% การจัดทำเอกสารอัตโนมัติที่ประหยัดเวลา 1.8 ชั่วโมงต่อกะ และการวิเคราะห์เชิงทำนายเพื่อป้องกันภาวะหมดไฟด้วยความแม่นยำ 83% บทความนำเสนอกรอบทฤษฎี AI-Driven Change Management (AIDCM) พร้อมตัวอย่างความสำเร็จจาก Mayo Clinic, Singapore General Hospital และ Cleveland Clinic ที่แสดงให้เห็นถึงการลดอัตราการหมุนเวียนของพยาบาล 18-41% และการปรับปรุงความพึงพอใจในการทำงาน นอกจากนี้ยังกล่าวถึงข้อพิจารณาด้านจริยธรรม ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล การป้องกันอคติในอัลกอริทึม และแนวทางอนาคตสำหรับ AI แบบเฉพาะบุคคล ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าการจัดการการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยั่งยืนสำหรับพยาบาลในขณะที่ยังคงรักษาคุณภาพการดูแลผู้ป่วยระดับสูง</p> เพชรน้อย สิงห์ช่างชัย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he03.tci-thaijo.org/index.php/SJHSci/article/view/4352 Fri, 04 Jul 2025 00:00:00 +0700 คุณภาพชีวิต และความปลอดภัย ของผู้ป่วยที่ใช้น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ โรงพยาบาลเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา https://he03.tci-thaijo.org/index.php/SJHSci/article/view/4712 <p>การวิจัยเชิงพรรณนาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลในด้านคุณภาพชีวิต ความปลอดภัย ของผู้ป่วยที่ได้รับน้ำมันกัญชาทางการแพทย์ ในโรงพยาบาลเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยที่มารับบริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์ ตั้งแต่ 26 สิงหาคม 2564 ถึง 30 กันยายน 2567 ติดตามผลการรักษาอย่างน้อย 1 ครั้ง ณ โรงพยาบาลเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์คัดเข้า จำนวน 161 รายโดยแบบเก็บข้อมูลย้อนหลังจากระบบ HOSxP และแบบบันทึกข้อมูล C-MOPH และสัมภาษณ์ผู้ป่วยหรือผู้ดูแลผู้ป่วย</p> <p>ผลการวิจัยพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 71.43 อายุเฉลี่ย 59.68 ± 13.11 ปี โรคที่มารับบริการส่วนใหญ่ ได้แก่ ภาวะปวด ร้อยละ 66.53 ผู้ป่วยมะเร็ง ร้อยละ 22.41 ภาวะนอนไม่หลับ ร้อยละ 7.51 ผู้ป่วยระยะสุดท้าย ร้อยละ 3.12 ภาวะชา ร้อยละ 0.11 น้ำมันกัญชาสามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตก่อนและหลังการได้รับน้ำมันกัญชา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยคะแนนคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพ EQ-5D-5L มีค่าอรรถประโยชน์ก่อนและหลังได้รับน้ำมันกัญชา คือ 0.72 ± 0.29 และ 0.89 ± 0.19 (<em>p &lt;</em> 0.05) และมีคะแนนเพิ่มขึ้นทุกมิติสุขภาพทั้ง 5 ด้าน สำหรับความปลอดภัยในการใช้น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ พบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังคงมีระดับความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ ค่าการทำงานของตับ (ALT, AST) ค่าการทำงานของไต (Cr, eGFR) อยู่ในระดับเดิมเมื่อเทียบกับก่อนเริ่มให้น้ำมันกัญชา และประเมินการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยที่ได้รับน้ำมันกัญชาซึ่งเป็นการใช้ตามข้อบ่งใช้ด้วยแบบประเมินอาการอันไม่พึงประสงค์ Naranjo’s algorithm พบว่า มีเพียง 9 ราย ที่เกิดอาการข้างเคียงจากการใช้ยาคือผู้ป่วยมีอาการ เวียนศีรษะ 5 ราย ปากแห้ง 2 ราย ใจสั่น 1 ราย เหนื่อย และส่วนใหญ่ไม่เกิดอาการข้างเคียงจากการใช้น้ำมันกัญชา 152 ราย</p> <p>ข้อเสนอแนะ ผลการวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าการใช้น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิต และ ความปลอดภัยดีขึ้น จึงควรส่งเสริมให้มีการใช้กัญชาทางการแพทย์มากขึ้น</p> ปรางชนก พันเนตร ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he03.tci-thaijo.org/index.php/SJHSci/article/view/4712 Mon, 24 Nov 2025 00:00:00 +0700 ผลการพัฒนารูปแบบการให้บริการผู้ป่วยที่ได้รับ การผ่าตัดชิ้นเนื้อที่ปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้าแบบวันเดียวกลับ https://he03.tci-thaijo.org/index.php/SJHSci/article/view/4765 <p>การผ่าตัดแบบวันเดียวกลับ (One Day Surgery) เป็นการพัฒนาคุณภาพบริการด้านสุขภาพแก่ประชาชน การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลของรูปแบบการให้บริการผู้ป่วย ที่ได้รับการผ่าตัดชิ้นเนื้อที่ปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้า ระหว่างบริการแบบวันเดียวกลับ (กลุ่มทดลอง: n = 64) กับแบบนอนโรงพยาบาล (กลุ่มควบคุม: n = 64) ในด้าน (1) ระดับความเจ็บปวด (2) ค่าใช้จ่ายในการบริการ และ (3) ระดับความพึงพอใจ โดยใช้รูปแบบการวิจัยกึ่งทดลองแบบสองกลุ่มเปรียบเทียบ เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จากผู้ป่วยที่มารับการผ่าตัดชิ้นเนื้อที่ปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้า แผนกสูตินรีเวชกรรม โรงพยาบาลเชียงคำ มีขั้นตอนการวิจัย 4 ขั้นตอน คือ 1) การระบุประเด็นปัญหา <br />2) การวางแผน 3) การปฏิบัติการ และ 4) การประเมินผล เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบบันทึกข้อมูลการให้บริการ แบบประเมินความเจ็บปวด และแบบสอบถามความพึงพอใจ ข้อมูลทั่วไปและความพึงพอใจวิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณนา (จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนความเจ็บปวดของการให้บริการ ใช้สถิติทดสอบ Mann-Whitney U Test เนื่องจากการกระจายของข้อมูลไม่ปกติ</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า (1) ระดับความเจ็บปวดไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ระหว่างผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มในทุกช่วงเวลาที่ประเมิน (ขณะทำหัตถการ, หลังทำหัตถการ 2 ชั่วโมง, ครบ 24 ชั่วโมง และมากกว่า 24 ชั่วโมง) (<em>p</em> &gt; 0.05) (2) บริการแบบวันเดียวกลับ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบริการลงได้ ร้อยละ 10.55 และ (3) ระดับความพึงพอใจต่อบริการแบบวันเดียวกลับอยู่ในระดับมากที่สุด การดูแลแบบวันเดียวกลับเป็นการดูแลแบบทีมสหสาขาโดยให้ผู้ป่วยและญาติมีส่วนร่วม และมีการติดตามหลังจำหน่ายโดยวิธี Telemedicine ผ่าน Application หมอพร้อม</p> จิตราภรณ์ อินประชา, วันเพ็ญ บุญประเสริฐ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he03.tci-thaijo.org/index.php/SJHSci/article/view/4765 Fri, 12 Dec 2025 00:00:00 +0700