การพัฒนารูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพโดยการเคลื่อนไหวสร้างสมดุลร่างกายเพื่อป้องกัน การหกล้มในคลินิกผู้สูงอายุโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพโดยการเคลื่อนไหวสร้างสมดุลร่างกายเพื่อป้องกันการหกล้มในคลินิกผู้สูงอายุ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และ 2) ประเมินผลลัพธ์ของรูปแบบด้านการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้สูงอายุที่เข้าร่วม วิธีการวิจัยเป็นแบบผสมผสาน ทั้งการวิจัยและพัฒนา แบ่งเป็น 3 ระยะตลอด 12 เดือน ได้แก่ 1) การศึกษาสถานการณ์ 2) การออกแบบและพัฒนารูปแบบ และ 3) การนำรูปแบบไปใช้และประเมินผล เก็บข้อมูลจากทีมสหวิชาชีพ (n=5) ผู้สูงอายุ (n=20) และผู้ดูแล (n=20) ที่คลินิกผู้สูงอายุ รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย ด้วยการสัมภาษณ์ สนทนากลุ่ม และการประเมิน
จากรูปแบบริการเดิมในคลินิกผู้สูงอายุโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย มีการจัดตั้งทีม
สหวิชาชีพให้การประเมิน ให้คำแนะนำเฉพาะราย โดยยังพบว่าขาดเป้าหมายเพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติในการคัดกรองกลุ่มเสี่ยง ที่นำมาสู่การจัดรูปแบบริการในคลินิก หลังจากทบทวนกระบวนการมีการทบทวนเป้าหมายคือเพื่อส่งเสริมการป้องกันการหกล้มในคลินิกผู้สูงอายุ อำเภอด่านซ้าย รูปแบบที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย ระบบประเมินความเสี่ยงต่อการหกล้มที่ครอบคลุม และโปรแกรมกายภาพบำบัดฝึกการทรงตัวที่เหมาะสมกับบริบทผู้สูงอายุในพื้นที่ด่านซ้าย โดยการนำกระบวนการ PDCA มาใช้ในการพัฒนารูปแบบต่อเนื่อง ผลหลังการใช้รูปแบบพบว่า ผู้สูงอายุมีการทรงตัวและการสมดุลที่ดีขึ้น จำนวนครั้งการหกล้มลดลง และทีมสุขภาพมีความ
พึงพอใจต่อรูปแบบ โดยสรุป รูปแบบที่พัฒนาขึ้นโดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมและการทำงานสหวิชาชีพ
โดยคำนึงถึงบริบทเฉพาะของอำเภอด่านซ้าย น่าจะมีประสิทธิภาพในการสร้างเสริมสุขภาพ และป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในชุมชนนี้ได้ อย่างไรก็ตามการขับเคลื่อนให้เกิดความยั่งยืน ยังต้องอาศัยความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ ในท้องถิ่นด่านซ้าย ในการจัดการปัจจัยกำหนดสุขภาพของผู้สูงอายุแบบบูรณาการ ควรมีการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในระยะยาว และการประยุกต์ใช้ในบริบทอื่นๆ ของจังหวัดเลยด้วย
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) ซึ่งอนุญาตให้ผู้อื่นสามารถแชร์บทความได้โดยให้เครดิตผู้เขียนและห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าหรือดัดแปลง หากต้องการใช้งานซ้ำในลักษณะอื่น ๆ หรือการเผยแพร่ซ้ำ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากวารสารเอกสารอ้างอิง
กรมกิจการผู้สูงอายุ. (2565). การหกล้มในผู้สูงอายุ. https://www.dop.go.th/th/know/15/548
นิภา ศรีช้าง, & ลวิตรา ก๋าวี. (2560-2564). รายงานการพยากรณ์การพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ในประเทศไทย. สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข.
Di Monaco, M., De Toma, E., Gardin, L., & Giordano, S. (2020). Fall prevention in the elderly: Exercises and strategies. Geriatrics, 5(4), 68. https://doi.org/10.3390/geriatrics5040068
Fallon, A., Fallon, A., Dukelow, T., Kennelly, S. P., & O'Neill, D. (2020). COVID-19 in nursing homes. QJM: An International Journal of Medicine, 113(6), 391-392. https://doi.org/10.1093/qjmed/hcaa136
Finnegan, S., Seers, K., & Bruce, J. (2019). Long-term follow-up of exercise interventions aimed at preventing falls in older people living in the community: A systematic review and meta-analysis. Physiotherapy, 105(2), 187-199. https://doi.org/10.1016/j.physio.2018.09.002
Kemmis, S., & McTaggart, R. (1998). The action research planner (3rd ed.). Deakin University Press.
Mulvale, G., Embrett, M., & Razavi, S. D. (2019). 'Gearing up' to improve interprofessional collaboration in primary care: A systematic review and conceptual framework. BMC Family Practice, 20(1), 83. https://doi.org/10.1186/s12875-019-0975-y
Sherrington, C., Fairhall, N. J., Wallbank, G. K., Tiedemann, A., Michaleff, Z. A., Howard, K., Clemson, L., Hopewell, S., & Lamb, S. E. (2019). Exercise for preventing falls in older people living in the community. Cochrane Database of Systematic Reviews, (1). https://doi.org/10.1002/14651858.CD012424.pub2
Tuvemo Johnson, S., Martin, C., Anens, E., Johansson, A. C., & Hellström, K. (2019). Older adults' opinions on fall prevention in relation to physical activity level. Journal of Applied Gerontology, 38(2), 173-189. https://doi.org/10.1177/0733464818774776
World Health Organization. (1986). Ottawa charter for health promotion.