การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยในโดยการมีส่วนร่วมของครอบครัว โรงพยาบาลปากชม จังหวัดเลย
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยในโดยการมีส่วนร่วมของครอบครัว โรงพยาบาลปากชม จังหวัดเลย เป็นการศึกษาเชิงปฏิบัติการ (Action Research) แบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research) สุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ประกอบด้วยบุคลากรที่ปฏิบัติงานในการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง จำนวน 32 คน และครอบครัวของผู้ป่วยหลอดเลือดสมองที่เข้ารักษาในหอผู้ป่วยใน จำนวน 34 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายสถิติ Paired t-test และการวิเคราะห์เนื้อหาสำหรับข้อมูลเชิงคุณภาพ
ผลการวิจัย พบว่า หลังการพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วย 1) ความพึงพอใจของกลุ่มบุคลากรและครอบครัวผู้ป่วยอยู่ในระดับมากที่สุด มีคะแนนเฉลี่ย 4.26 และ 4.47 ตามลำดับ 2) การมีส่วนร่วมของครอบครัวผู้ป่วยอยู่ในระดับสูง (Mean=4.51, SD=0.11) โดยรูปแบบการมีส่วนร่วมมากที่สุด ได้แก่ การร่วมตัดสินใจเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วย (ร้อยละ 100) การปฏิบัติการดูแลผู้ป่วย เช่น ทำความสะอาดร่างกายจัดท่า ให้อาหาร และกายภาพบำบัด (ร้อยละ 94.12) และการสาธิตย้อนกลับการปฏิบัติกิจกรรมได้ถูกต้องปลอดภัย (ร้อยละ 91.18) ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่ารูปแบบการดูแลที่พัฒนาขึ้นสามารถส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัวในการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสนอแนะจากการวิจัย ควรมีการศึกษาความรู้การดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยใน และการปฏิบัติตามแนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยใน
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) ซึ่งอนุญาตให้ผู้อื่นสามารถแชร์บทความได้โดยให้เครดิตผู้เขียนและห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าหรือดัดแปลง หากต้องการใช้งานซ้ำในลักษณะอื่น ๆ หรือการเผยแพร่ซ้ำ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากวารสารเอกสารอ้างอิง
จุฬาวรรณ จิตดอน. (2561). บทบาทของพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชนเพื่อส่งเสริมการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดที่บ้านโดยเน้นครอบครัวเป็นศูนย์กลาง. วารสารวิชาการสุขภาพ, 22(43-44), 180-192.
ธิดา แต่งประกอบ. (2560). ผลของกิจกรรมการพยาบาลโดยการมีส่วนร่วมของสมาชิกครอบครัวในผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจต่อพฤติกรรมร่วมรู้สึกของพยาบาล [วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต]. คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา.
บุญญรัตน์ เพิกเดช. (2563). การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลเพชรบูรณ์. วารสารวิชาการแพทย์เขต 11, 34(3), 7-21.
ปิยะดา ยุ่ยฉิม. (2559). ผลของโปรแกรมการมีส่วนร่วมของครอบครัวในการจัดการปัญหาการใช้ยาต่อพฤติกรรมการใช้ยาของผู้สูงอายุโรคเรื้อรังในชุมชน [วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต].
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ปวีณา ยศสุรินทร์. (2563). การดูแลที่เน้นครอบครัวเป็นศูนย์กลาง: จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติในการเตรียมความพร้อมผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง. วารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือ, 7(1), 131-141.
ยุวดี ผงสา. (2563). ผลการพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองโรงพยาบาลสิรินธร จังหวัดขอนแก่น. วารสารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น, 2(2), 139-153.
รับพร ทักษิณวราจาร. (2564). โรคหลอดเลือดสมอง (stroke) ต้นเหตุ อัมพฤกษ์ อัมพาต. https://www.praram9.com/stroke-symptoms/
โรงพยาบาลกันตัง. (2560). โรคหลอดเลือดสมอง (stroke). http://kantang-hospital.go.th
โรงพยาบาลปากชม. (2566). รายงานประจำปี 2565.
ศูนย์บริการพยาบาล คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. (2566). การพยาบาลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง. http://www2.nurse.cmu.ac.th/nsc/index.php?op=courses&do=detail&courseid=30
เสกสรรค์ จวงจันทร์, กมลรัตน์ จูมสีมา, & วีระชาติ วรธรรม. (2562). การพัฒนารูปแบบการดูแลโรคหลอดเลือดสมอง อำเภอโนนคูณ จังหวัดศรีสะเกษ. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10, 17(2), 5-18.
หนูแดง จันทอุปฬี, & วาสนา นาชัยเริ่ม. (2563). การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลกมลาไสย. วารสารสุขภาพและสิ่งแวดล้อมศึกษา, 5(4), 55-64.
อติญา โพธิ์ศรี. (2561). การมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชนในการดูแลผู้ป่วยจิตเภทเรื้อรัง: กรณีศึกษา ชุมชนหนองนาสร้าง. วารสารพยาบาลทหารบก, 19(พิเศษ), 239-247.
อภันตรี กองทอง. (2565). การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองโรงพยาบาลศรีสังวรสุโขทัย. วารสารการพยาบาลสุขภาพและสาธารณสุข, 1(3), 1-17.
Kemmis, S., & McTaggart, R. (1988). The action research planner (3rd ed.). Deakin University.