ผลการใช้ศาสตร์มณีเวชต่อระดับความปวดและการใช้ยาแก้ปวดในผู้ป่วย ที่มีอาการปวดเข่าเรื้อรัง

บทคัดย่อ

อาการปวดเข่าเรื้อรังเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้บ่อยในผู้สูงอายุ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบทดลองเบื้องต้น(pre-experimental) มีวัตถุประสงค์เพื่อ
เปรียบเทียบระดับความปวดและการใช้ยาแก้ปวด ระหว่างก่อนกับหลังการปรับสมดุลข้อเข่าด้วยศาสตร์มณีเวช 3 ช่วงเวลา คือ หลังปรับสมดุลทันที 1 สัปดาห์ และ 4 สัปดาห์ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยที่มีอาการปวดเข่าเรื้อรังจำนวน 30 ราย เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย คู่มือการปรับสมดุลร่างกสยด้วยศาสตร์มณีเวช แบบบันทึกข้อมูลทั่วไป แบบวัดระดับความปวดและการใช้ยาแก้ปวด และแบบวัดความพึงพอใจ ผู้ป่วยได้รับการปรับสมดุลข้อเข่าและบริหารร่างกายตามหลักมณีเวชที่บ้านวันละ 2 ครั้งเวลาเช้าและเย็นเป็นเวลา 4 สัปดาห์ บันทึกระดับความปวดและการใช้ยาแก้ปวด ก่อนและหลังปรับสมดุลทันที 1 สัปดาห์ และ 4 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ mean, SD และ repeated measure ANOVA กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05

ผลการศึกษาพบว่าผู้ป่วยมีอาการปวดเข่าเรื้อรังมีค่าเฉลี่ยระดับความปวดเข่าก่อนการปรับสมดุลด้วยศาสตร์มณีเวชสูงถึง 7.40 (95%CI=6.61-8.19) ภายหลังปรับสมดุลข้อเข่าด้วยศาสตร์มณีเวชระดับความปวดลดลงอย่างต่อเนื่องตามช่วงเวลาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ค่าเฉลี่ยระดับความปวดหลังปรับสมดุลทันที 4.07 (95% CI=3.56-4.58, p<0.001) หลังปรับสมดุลข้อเข่า 1 สัปดาห์ ค่าเฉลี่ยระดับความปวด 2.90 (95% CI2.52-3.28, p<0.001) และเมื่อครบ 4 สัปดาห์
ค่าเฉลี่ยระดับความปวด 2.23 (95% CI=1.94-2.51, p<0.001) ปริมาณการให้ยาแก้ปวดภายหลังการปรับสมดุลข้อเข่าด้วยศาสตร์มณีเวชลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) ผู้ป่วยมีความพึงพอใจในการใช้ศาสตร์มณีเวชมากที่สุด ได้แก่ การปรับสมดุลข้อเข่าด้วยตนเองเมื่อมีอาการปวดได้ ศาสตร์มณีเวชเน้นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุประหยัดค่าใช้จ่าย และลดการใช้ยาแก้ปวด ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจ 4.90, 4.87, 4.86 และ 4.83 ตามลำดับ

โดยสรุปการปรับสมดุลข้อเข่าด้วยศาสตร์มณีเวชลดระดับความปวดและการใช้ยาแก้ปวด ควรส่งเสริมให้มีการใช้ศาสตร์มณีเวชในผู้ป่วยที่มีอาการปวดข้อเข่าเรื้อรังและผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรังอื่นๆ และส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีการปรับสมดุลร่างกายด้วยหลักมณีเวชด้วยตนเองที่บ้านอย่างต่อเนื่อง จะช่วยปรับสมดุลโครงสร้างร่างกายของผู้ป่วยให้อยู่ในแนวปกติซึ่งจะลดอาการปวดต่างๆของร่างกายได้ในระยะยาว