ผลการใช้รูปแบบการจัดบริการตามแนวทางการแพทย์วิถีใหม่ต่อการควบคุม ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2
บทคัดย่อ
สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลต่อสถานบริการสุขภาพในการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อและการแพร่กระจายของเชื้อ โดยการหลีกเลี่ยงความแออัดและเว้นระยะห่างทางสังคม ดังนั้นคลินิกเบาหวานโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ สาขาคลองศาลาจึงได้พัฒนารูปแบบการบริการการดูแลผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ตามแนวทางการจัดบริการทางการแพทย์วิถีใหม่ที่เน้นการจัดการสุขภาพของตนเอง การวิจัยกึ่งทดลองแบบ 2 กลุ่มวัดก่อนและหลังครั้งนี้มี
วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดบริการตามแนวทางการแพทย์วิถีใหม่ต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มารับการรักษาที่คลินิกเบาหวาน โรงพยาบาลเพชรบูรณ์สาขาคลองศาลาจำนวน 94 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มทดลองที่ใช้รูปแบบการจัดบริการตามแนวทางการแพทย์วิถีใหม่จำนวน 47 คน และกลุ่มควบคุมที่มารับบริการพบแพทย์ตามนัดรูปแบบปกติจำนวน 47 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย รูปแบบการจัดบริการตามแนวทางการแพทย์วิถีใหม่ แบบประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการการจัดการสุขภาพตนเองตามหลัก 3อ.2ส. และแบบบันทึกข้อมูลผลลัพธ์ทางคลินิก ดำเนินการวิจัยและเก็บรวบรวมข้อมูลในเดือน มกราคม-ตุลาคม 2565 ประเมินผลและติดตามผลลัพธ์ทางคลินิกของผู้ป่วยทั้ง 2 กลุ่มเป็นระยะเวลา 6 เดือน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วย จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Fisher's exact test, paired t-test และ independent t-test กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05
ผลการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ใช้รูปแบบการจัดบริการตามแนวทางการแพทย์วิถีใหม่ระยะเวลา 6 เดือน ค่าน้ำตาลสะสมในเลือดเพิ่มขึ้นสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (7.1%, 6.8%, p=0.011) แต่คะแนนความรอบรู้ด้านสุขภาพ และคะแนนพฤติกรรมสุขภาพตามหลัก 3อ.2ส. ไม่เปลี่ยนแปลง (p>0.05) สำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มาพบแพทย์ตามรูปแบบเดิมระยะเวลา 6 เดือน ค่าน้ำตาลสะสมในเลือดเพิ่มขึ้นสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (7.2%,6.9%, p=0.024) และคะแนนพฤติกรรมสุขภาพตามหลัก 3อ.2ส. ลดลงต่ำกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (21.7,23.9 คะแนน, p=0.017) แต่ค่าคะแนนความรอบรู้ด้านสุขภาพตามหลัก 3อ.2ส. ไม่เปลี่ยนแปลง (p>0.055) เมื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ทางคลินิกระหว่างกลุ่มที่ใช้รูปแบบการจัดบริการตามแนวทางการแพทย์วิถีใหม่กับกลุ่มที่ได้รับบริการปกติ ภายหลังการทดลองระยะเวลา 6 เดือน คะแนนพฤติกรรมสุขภาพตาม 3อ.2ส ในกลุ่มทดลองมีคะแนนสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (24.4, 21.7 คะแนน, p=0.002) แต่ค่าน้ำตาลปลายนิ้วขณะอดอาหาร (CBG) ค่าน้ำตาลสะสมในเลือด (HbA1C) และคะแนนความรอบรู้ด้านสุขภาพตามหลัก 3อ.2ส. ไม่แตกต่างกัน (p>0.05) โดยสรุปผลการใช้รูปแบบการจัดบริการตามแนวทางการแพทย์วิถีใหม่ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ส่งเสริมให้พฤติกรรมสุขภาพตามหลัก 3อ.2ส. ของผู้ป่วยดีขึ้น
จึงควรนำมาใช้ในการดูแลติดตามผู้ป่วยเพื่อประโยชน์ในการลดการเดินทางและค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยลงได้ รวมถึงลดจำนวน
ผู้ป่วยและลดระยะเวลารอคอยในการให้บริการผู้ป่วยที่คลินิกเบาหวาน
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.