การพัฒนารูปแบบการจัดการปัญหาด้านการโฆษณาของคลินิกเวชกรรมที่ให้บริการ ด้านเสริมความงาม ในจังหวัดสมุทรปราการ
คำสำคัญ:
การจัดการปัญหาการโฆษณา, คลินิกเวชกรรม, เสริมความงามบทคัดย่อ
การวิจัยแบบกึ่งทดลอง (quasi-experimental research) โดยใช้รูปแบบวัดก่อนและหลังในกลุ่มเดียว (one-group pretest–posttest design) นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนา และประเมินผลรูปแบบการจัดการปัญหาการโฆษณาของคลินิกเวชกรรมที่ให้บริการด้านเสริมความงามในจังหวัดสมุทรปราการ กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง ได้แก่ คลินิกที่เคยโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุมัติ จำนวน 36 แห่ง ซึ่งสมัครใจเข้าร่วมกิจกรรม
รูปแบบที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย 6 กิจกรรม ได้แก่ 1) การอบรมเกี่ยวกับกฎหมายโฆษณา 2) การฝึกประเมินเนื้อหาโฆษณา 3) การพัฒนาช่องทางออนไลน์และเว็บไซต์ 4) การให้คำปรึกษาเชิงรุกและเชิงรับ 5) การลงพื้นที่ติดตามผลพร้อมเน้นย้ำบทลงโทษทางกฎหมาย และ 6) การติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย แบบทดสอบความรู้ (ค่าความเชื่อมั่น KR-20 = 0.72) และแบบสอบถามทัศนคติ (ค่าความเชื่อมั่น Cronbach’s alpha = 0.75) ซึ่งผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน (I-CVI = 1.00 ทุกข้อ) วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปด้วยสถิติเชิงพรรณนา และใช้สถิติ paired t-test เปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลังการดำเนินกิจกรรม
ผลการวิจัยพบว่า 1) คะแนนความรู้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (จาก 5.92 ± 0.46 เป็น 8.03 ± 0.33; p < 0.05) 2) คะแนนทัศนคติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (จาก 3.51 ± 1.09 เป็น 4.08 ± 0.81; p < 0.05) 3) อัตราการยื่นขอโฆษณาเพิ่มจากร้อยละ 0 เป็นร้อยละ 100 (p < 0.001) และ 4) โฆษณาที่เผยแพร่ผ่าน Facebook มีความเหมาะสมตามเกณฑ์
สรุปผลว่า รูปแบบที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ เหมาะสม และสามารถประยุกต์ใช้ได้จริงในคลินิกเวชกรรมเอกชน ควรขยายผลไปยังพื้นที่อื่น โดยศึกษาความยั่งยืนของพฤติกรรม และเปรียบเทียบรูปแบบการอบรม เพื่อยกระดับประสิทธิภาพระบบบริการสุขภาพ
เอกสารอ้างอิง
นัธทวัฒน์ อมรไทยสุนทร. ระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านบริการสุขภาพภาคเอกชน. กรุงเทพฯ: กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ; 2567.
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. ระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านบริการสุขภาพเอกชน [อินเทอร์เน็ต]. สมุทรปราการ [เข้าถึง เมื่อ 9 สิงหาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: http://oss.hss.moph.go.th/auth/login
อาภากร เขจรรักษ์. การโฆษณาทางสื่อสังคมออนไลน์ที่ฝ่าฝืนกฎหมายของคลินิกเวชกรรมที่ให้บริการเสริมความงามในจังหวัดมหาสารคาม. วารสารเภสัชกรรมไทย. 2565;14(2):1–13.
กระทรวงสาธารณสุข. พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม. นนทบุรี: กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ; 2566 [เข้าถึงเมื่อ 9 ส.ค. 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://www.hss.moph.go.th/fileupload_doc /2023-10-09-1-23-124335868.pdf
อรรถพล คนต่ำ, วุฒิไกร ยศกำธร. สถานการณ์โฆษณาทางสื่อออนไลน์ของสถานพยาบาลเอกชนในจังหวัดหนองบัวลำภู. หนองบัวลำภู: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลำภู; 2564.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ. สมุดทะเบียนอนุมัติโฆษณาสถานพยาบาล ณ วันที่ 9 สิงหาคม 2567. สมุทรปราการ: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ; 2567. [เอกสารภายใน].
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. กองกฎหมาย. แนวทางข้อความการโฆษณาหรือประกาศเกี่ยวกับสถานพยาบาล [อินเทอร์เน็ต]. 2567 [เข้าถึงเมื่อ 11 เม.ย. 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://heyzine.com/flip-book/d190e5e1ca.html
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ. สมุดบันทึกรวบรวมความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยและสาเหตุของการฝ่าฝืนกฎหมายการโฆษณาสถานพยาบาลของผู้ประกอบการ. สมุทรปราการ: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สมุทรปราการ; 2566.
กมลภัทร์ สวัสดิ์โกศล. ปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติตามข้อกฎหมายเกี่ยวกับการโฆษณาตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ของสถานพยาบาลในจังหวัดกาญจนบุรี. วารสารสิ่งแวดล้อมศึกษาการแพทย์และสุขภาพ. 2567;9(2):346–357.
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. ประกาศกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและค่าใช้จ่ายในการโฆษณาหรือประกาศเกี่ยวกับสถานพยาบาล พ.ศ. 2562. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงสาธารณสุข, 2563.
กนกกาญจน์ จันวะโร. การพัฒนารูปแบบการจัดการปัญหาโฆษณาทางสื่อออนไลน์ของคลินิกเวชกรรมที่ให้บริการด้านความงาม จังหวัดฉะเชิงเทรา. วารสารกฎหมายและนโยบายสาธารณสุข [อินเทอร์เน็ต]. 2567 ส.ค.;10(2):275–283. เข้าถึงได้จาก: https://so05.tci-thaijo.org/index.php/journal_law/Article/view/271455 [เข้าถึงเมื่อ 9 ส.ค. 2567].
ABC Model Eagly AH, Chaiken S. The psychology of attitudes. Fort Worth (TX): Harcourt Brace Jovanovich; 1993.
Health Belief Model (HBM) Rosenstock IM. Historical origins of the Health Belief Model. Health Educ Monogr. 1974;2(4):328–35.
Cohen J. A power primer. Psychological Bulletin, 1992;112(1):155-159
Lynn MR. Determination and quantification of content validity. Nursing Research, 1986;35(6):382–385.
Polit DF, Beck CT. The content validity index: Are you sure you know what's being reported? Critique and recommendations. Research in Nursing & Health, 2006;29(5):489–497.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการโรงพยาบาลสมุทรปราการ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
