Myocardial Infarction: The Health Hazard in the Working-age Population
Keywords:
Myocardial infarction, Working-age, Health threat, Self-care behaviorsAbstract
Working-age population is a crucial driving force for economic growth of every country worldwide. If this group of population have good health without any diseases that impede their job, they could maximize their work integrity and productivity. Currently, there is a high incidence of coronary heart disease, especially myocardial infarction (MI), in the working-age population due to changing work life. These changes include a rush through work, cumulative stress, consumption of unhealthy food or eating more than necessary, especially having lots of food containing Trans fat for a long time, and lack of exercise. These are factors associated with atherosclerosis leading to MI and a risk of sudden death or, if survive, it will take a long period for recovery that may affect their work. Therefore, the working-age population should not overlook any health Treats that come with daily life and work. They should pay attention to take care of their health and prevent any risk related to the occurrence of MI. This article gathers information about myocardial infarction occurring in the working-age population, including its causes, risk factors, treatments and appropriate self-care behaviors. It is important that health care professionals are aware of an issue of MI in the working-age population and able to provide information for people at risk of MI appropriately.
References
กระทรวงแรงงาน. (2563). แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรบุคคลของกระทรวงแรงงานฉบับที่ 3 (พ.ศ.2560- 2564). สืบค้นจาก http://www.oic.go.th
กรมควบคุมโรค. (2564). แบบคัดกรองพฤติกรรมสุขภาพวัยทำงาน. สืบค้นจาก http://envocc.ddc.moph. go.th/p/wellness.
เกศศิริ วงษ์คงคำ. (2559). การพยาบาลศัลยศาสตร์: ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด. กรุงเทพมหานคร: โครงการตำรา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. (2563). ประเด็นสารรณรงค์วันหัวใจโลก พ.ศ. 2562. สืบค้นจาก http://
www.thaincd.com/document/file/download/knowledge
กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค . (2563). สถานการณ์โรคหลอดเลือดหัวใจ Coronary Artery Disease
(CAD) ปี พ.ศ. 2561. สืบค้นจาก http://ddc.moph.go.th/uploads.files/108112019122709 1554.pdf
จรัญ สายะสถิตย์. (2560). การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตหัวใจ. (พิมพ์ครั้งที่ 3). พิษณุโลก: สำนักพิมพ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.
จันทิมา โพธิ, วิสิฐ จะวะสิต, วนัทนีย์ เกรียงสินยศ, และมยุรี ดิษยเ์มธาโรจน์. (2562). ปริมาณกรดไขมัน
ทรานส์ในอาหารและการกำกับดูแลของประเทศไทย. วารสาร โภชนาการ, 54(1). 85-93.
ณรงค์กร ซ้ายโพธิ์กลาง. (2558). อายุรศาสตร์เวชบำบัดวิกฤต. ปทุมธานี: ภาควิชาอายุรศาสตร์คณะ แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ณรงค์กร ชัยวงศ์, และปณวัตร สันประโคน. (2562). ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน: ความท้าทายของ พยาบาลฉุกเฉินในการดูแลผู้ป่วยระยะวิกฤติ. ไทยเภสัชศาสตร์และวิทยาการสุขภาพ, 14(1), 43-51.
นิศารัตน์ รวมวงษ์, อรพรรณ บุญลือ, เสาวภา เล็กวงษ์, และสุธี สุนทรชัย. (2563). ผลของโปรแกรมการ จัดการตนเองต่อพฤติกรรมสุขภาพในการลดโอกาสเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วย โรคความดันโลหิตสูง. วารสารพยาบาลตำรวจ, 12(1), 128-137.
ดวงกมล วัตราดุลย์. (2558). การฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจ: การดูแลในระยะเปลี่ยนผ่านจาก โรงพยาบาลสู่บ้าน. วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก, 26(1), 89-103.
พรรษมน คัฒมาตย์, จงจิต เสน่หา, และวิมลรัตน์ ภู่วราวุฒิพานิช. (2563). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง. วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก, 31(1), 62-77.
พรทิพย์ ไพศาลธรรม, สุภาภรณ์ ด้วงแพง และวัลภา คุณทรงเกียรติ. (2561). ประสบการณ์การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ อหัวใจตายเฉียบพลัน ภายหลังได้รับการใส่ขดลวดค้ำยัน. วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก, 29(1), 96-109.
พัฒนาพร สุปินะและนัดดา นาวุฒิ. (2558). คู่มือการพยาบาลผู้ป่วยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันที่ได้รับการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนผ่านทางหลอดเลือดแดงที่ข้อมือ. สืบค้นจาก http:.//www2.si.mahidol.ac.th/division/nursing/sins/attachments/article/217/%20pdf
มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์. (2564). หลัก 3 อ. ดีต่อใจ. สืบค้นจาก http:.//www.thaiheartfound.org/category/details/savedisease/353
รชฏ โคตรสินธุ์, สมรภพ บรรหารักษ์, ลดาวัลย์ พันธุ์พาณิชย์ , และสุทิน ชนะบุญ. (2563). การศึกษาเชิงสำรวจเกี่ยวกับความรู้ ความเชื่อและการตัดสินใจเข้ารับการรักษาเมื่อคาดว่าจะเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจ ตายเฉียบพลันของผู้สูงอายุที่อาศัยในชุมชนจังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารวิจัยสุขภาพและการพยาบาล, 36(1), 1-18.
วิจิตรา กุสุมภ์. (2560). การพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤต: แบบองค์รวม. กรุงเทพมหานคร: สหประชาพาณิชย์.
วีรพล คู่คงวิริยพันธุ์. (2562). เภสัชวิทยาสำหรับนักศึกษาวิทยาศาสตร์สุขภาพ เล่ม 1. ขอนแก่น: ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ศันสนีย์ ดำรงศิลป์, พรรณวดี พุธวัฒนะ, และกุสุมา คุววัฒนสัมฤทธิ์. (2560). พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยที่มีการตีบซ้ำหลังใส่ขดลวดค้ำยันหลอดเลือดหัวใจ. วารสารพยาบาลกองทัพบก, 18(2), 220-227.
สิรินทร์ อภิญาสวัสดิ์. (2564). ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว. สืบค้นจาก http:.//med.mahidol.ac.th/med/sites/default/files/public/pdf/medicinebook1/atrial%20fibrillation.pdf
สุรพล ช่วยบุดดา. (2558). ปัจจัยที่มีผลต่อความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจของประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไปตำบลหนองบัว อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น. วารสารการพัฒนาสุขภาพชุมชน มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 3(4), 547-560.
สุมนรัตน์ นีรพัฒนกุล. (2560). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันของผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง จังหวัดชลบุรี (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยบูรพา, ชลบุรี.
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (2564). ควรตรวจสุขภาพอย่างไรในแต่ละช่วงวัย. สืบค้นจาก https://www.thaihealth.or.th/Content/47617
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. (2564). การใช้ยาลดไขมันในเลือดอย่างเหมาะสม. สืบค้นจาก http:.//pca.fda.moph.go.th/public_media_detail.php?id=6&cat=56&content_id=1516
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2563). วัยทำงานกับการดูแลสุขภาพ. สืบค้นจาก http://www.nso.go.th
สำนักงานโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. (2558). การประเมินโอกาสเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง. นนทบุรี: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
เสาวนีย์ เนาวพาณิช. (2558). การพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤตทางอายุรศาสตร์. กรุงเทพมหานคร: ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล.
สฤษดิ์เดช เจริญไชย, อัมพร วารินทร์, ศรัญญา ปานปิ่น, และมาสริน ศุกลปักษ์. (2562). ผลของรูปแบบกิจกรรมต่อความรอบรู้ทางสุขภาพในการเฝ้าระวังและป้องกันการเกิดกลุ่มอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เฉียบพลัน ในประชาชนกลุ่มเสี่ยง จังหวัดนนทบุรี. วารสาร โรงพยาบาลสกลนคร, 22(3), 31-41.
อารีส พลอยทรัพย์, วันเพ็ญ แก้วปาน, ปาหนัน พิชญภิญโญ, และจุฑาธิป ศีลบุตร. (2561). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงสูง จังหวัดสมุทรปราการ. วารสารวิจัยทาง วิทยาศาสตร์สุขภาพ, 1(2), 49-58.
โอบจุฬ ตราชู. (2557). โรคหัวใจที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม. วารสารรามาธิบดีเวชสาร, 37(4), 229- 231.
โอภาส ศรัทธาพุทธ. (2561). สาระสำคัญทางศัลยศาสตร์หัวใจ. ปทุมธานี: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
Emelia J. Benjamin. (2018). TOTAL CARDIOVASCULAR DISEASES. Heart Disease and Stroke Statistics-2018 Update. Circulation. 2018; 137: e247–e269. DOI: 10.1161/CIR.00000 00000000558.
Farcy, D.A., Chiu, W.C., Marshall, J.P. & Osborn, T.M. (2017). Critical care emergency medicine. New York: McGraw-Hill Education.
Odom-Forren. (2018). Drain's perianesthesia nursing: a critical care approach. St. Louis: Elsevier.