OCCUPATIONAL HEALTH HAZARDS IN THE NATIONAL ARCHIVE AND ITS BRANCHES – ARCHIVISTS AND SCIENTISTS’ ATTITUDE.
สุมลฑริกาญจณ์ มายะรังษี
Abstract
วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้เป็นการศึกษาสภาวะแวดล้อมการทำงานที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานในสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติและหอจดหมายเหตุแห่งชาติสาขา นักจดหมายเหตุและทีมงานต้องสัมผัสกับเอกสารเก่าและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มักปนเปื้อนด้วยฝุ่นผง จุลินทรีย์ และสารเคมีอันตรายที่ใช้ในการเก็บรักษาเอกสารสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ทำงานมีการปนเปื้อนได้ตลอดเวลาก่อให้เกิดปัญหาทางกายภาพและสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยได้แก่ นักจดหมายเหตุ อดีตนักจดหมายเหตุที่เกษียณอายุราชการแล้ว แพทย์ และนักวิทยาศาสตร์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยนี้ คือ การสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม การใช้แบบสอบถาม การสังเกตการณ์โดยผู้วิจัย และการวิเคราะห์ใจความ ผลจากการตอบแบบสอบถามของกลุ่มตัวอย่าง 50 คน ระบุว่ามีสิ่งคุกคามต่อสุขภาพที่มาจากสารเคมีที่ใช้ในการเก็บรักษาเอกสารร้อยละ 26 จากเชื้อราในห้องทำงานร้อยละ 44 สภาวะแวดล้อมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานมีสาเหตุมาจาก (1) ระบบเครื่องปรับอากาศที่เป็นระบบปรับอากาศแบบรวม (2) ฝุ่นละออง เชื้อรา ไรฝุ่น และสารเคมีที่อยู่ในเอกสาร (3) อาคารสถานที่ที่มีการปฏิบัติงานและเอกสารอยู่รวมในห้องเดียวกัน ผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่าตนเองมีสุขภาพไม่ดีร้อยละ 52 และมีโรคประจำตัวร้อยละ 60ดังนั้นการยืนยันสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษต่อผู้ปฏิบัติงานในหอจดหมายเหตุแห่งชาติด้วยการวิเคราะห์มลพิษของอากาศภายในอาคาร โดยเฉพาะการปนเปื้อนของสารเคมีและจุลินทรีย์ คืองานวิจัยต่อไปเพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ผลของการศึกษานี้จะช่วยเป็นข้อมูลสำหรับการกำจัดและป้องกันสภาวะที่ไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานในหอจดหมายเหตุแห่งชาติต่างๆ และสามารถปรับใช้กับห้องสมุดในพิพิธภัณฑ์อื่นได้เช่นกัน
คำสำคัญ : นักจดหมายเหตุ, หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, มลพิษของอากาศภายในอาคาร, สภาวะแวดล้อมที่เป็นอันตรายในที่ทำงาน
Published
Issue
Section
License
Copyright (c) 2022 SAFETY & ENVIRONMENT REVIEW

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
This article is published under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License (CC BY-NC-ND 4.0), which allows others to share the article with proper attribution to the authors and prohibits commercial use or modification. For any other reuse or republication, permission from the journal and the authors is required.