ผลของแอปพลิเคชันในสมาร์ตโฟนต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรม การดูแลสุขภาพจิตของผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ในพื้นที่อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ

The Effect of Smartphone Applications on Mental Health Literacy and Mental Health Care Behaviors of Caregivers for Dependent Elderly in Chanuman District Amnat Charoen Province

ผู้แต่ง

  • เบญจมาศ คินันติ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตอำนาจเจริญ มหาวิทยาลัยมหิดล
  • นาดีละห์ สาและมิง โครงการจัดตั้งวิทยาเขตอำนาจเจริญ มหาวิทยาลัยมหิดล
  • มัญชุภา ถาวรวรรณ์ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตอำนาจเจริญ มหาวิทยาลัยมหิดล
  • ขนิษฎา กลิ่นอ้ม โรงพยาบาลชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ
  • กรกวรรษ ดารุนิกร โครงการจัดตั้งวิทยาเขตอำนาจเจริญ มหาวิทยาลัยมหิดล
  • ประเสริฐ ประสมรักษ์ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตอำนาจเจริญ มหาวิทยาลัยมหิดล

คำสำคัญ:

แอปพลิเคชันในสมาร์ตโฟน, ความรอบรู้ด้านสุขภาพจิต, ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi Experimental Research) แบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนและหลัง (One Group Pretest-Posttest Design) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของแอปพลิเคชันในสมาร์ตโฟนต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพจิตตนเองของผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ในพื้นที่อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ โดยกลุ่มตัวอย่างได้รับสื่อความรู้ การดูแลสุขภาพจิต การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง และการคัดกรองสุขภาพจิต ผ่านทางแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน คำนวณขนาดตัวอย่างด้วยสูตรการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยประชากรสองกลุ่มไม่อิสระต่อกัน ได้เท่ากับ 25 คน สุ่มตัวอย่างด้วยการสุ่มอย่างง่าย รวบรวมข้อมูลด้วยแบบประเมินความรอบรู้สุขภาพจิตและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพจิตในผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพึงมีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.98 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติเชิงอนุมานด้วย Paired-Sample T Test

ผลการวิจัย พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 40–59 ปี มีระยะเวลารวมในการดูแลผู้สูงอายุทั้งหมดเฉลี่ย 1 - 9 ปี ผู้ดูแลส่วนใหญ่รู้สึกมีความสุขที่ได้ดูแลผู้สูงอายุ ภายหลังการทดลอง  พบว่า  ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงมีค่าเฉลี่ยความรอบรู้เพิ่มเป็น 69.32 (S.D.=6.84) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากก่อนทดลองที่มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 53.44 (S.D.=6.17) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value<.001) และมีค่าเฉลี่ยพฤติกรรมการดูแลสุขภาพจิตหลังการทดลอง เท่ากับ 3.88 (S.D.=0.22) เพิ่มขึ้นจากก่อนการทดลอง ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.97 (S.D.=0.42) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value<.001)

ดังนั้น จึงควรนำรูปแบบการเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพจิตผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน ไปประยุกต์ใช้กับพฤติกรรมและปัญหาด้านสุขภาพด้านอื่นๆ

References

ศุทธิดา ชวนวัน, กาญจนา เทียนลาย, วิชาญ ชูรัตน์ และคณะ. Research Brief การเข้าถึงระบบบริการทางสังคมของประชากรในครัวเรือนก่อนวัยสูงอายุและผู้สูงอายุ ที่มีรูปแบบการอยู่อาศัยต่างกันเพื่อนำไปสู่แนวทางการสนับสนุนการบริการที่เหมาะสม. หนังสือและรายงานวิจัย. 2565[27 ตุลาคม 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://ipsr.mahidol.ac.th/post_research.

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. การคาดประมาณประชากรของประเทศไทย พ.ศ. 2553-2583. หนังสือและรายงานวิจัย. 2556[13 มีนาคม 2557]. เข้าถึงได้จาก: https://ipsr.mahidol.ac.th/wp-content/uploads/2022/03/Report-File-408.pdf.

สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพ แห่งชาติ. สถิติผู้ป่วยติดบ้าน และผู้ป่วยติดเตียง.2562[15 ตุลาคม 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://www.nationalhealth.or.th.

โรงพยาบาลชานุมาน. (2566). ฝ่ายงานการพยาบาลผู้ป่วยนอก.

สายพิณ เกษมกิจวัฒนา, ปิยะภรณ์ ไพรสนธิ์. ญาติผู้ดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง: กลุ่มเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม. วารสาร สภาการพยาบาล. 2557; 29: 22-31.

อัตราส่วนเกื้อหนุนสำนักงานสถิติแห่งชาติ. รายงานสำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย. 2564. กรุงเทพฯ: สำนักงานสถิติแห่งชาติ

Jung-Won L, Zebrack B. Caring for family members with chronic physical illness: A critical review of caregiver literature. Health Qual life Outcome. 2004; 2: 1-9.

Schure LM, Heuvel ETP, Stewart RE, et al. Beyond stroke: Description and evaluation of an effective intervention to support family caregivers of stroke patients. Patient Education and Counseling. 2006; 62: 46-55.

พัชรา เสถียรพักตร์, โสภาพันธ์ สอาด, รุจิตรา วันวิชา และคณะ. ประสิทธิผลของการอบรมการดูแลผู้สูงอายุติดเตียงโดยใช้สื่อแอปพลิเคชันบนมือถือต่อระดับความรู้ความเข้าใจของผู้ดูแล. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข. 2563; 30: 47-56.

ณัฐปัณฑ์ แก้วเงิน, พูลสุข เจนพานิชย์วิสุทธิพันธ์ และอนันต์นิตย์ วิสุทธิพันธ์. ผลของโปรแกรมควบคุมการชักผ่านแอปพลิเคชันไลน์ต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยโรคลมชัก. วารสารรามาธิบดีพยาบาลสาร. 2565; 28: 109-126.

จินตนา ยูนิพันธ์. ปัจจัยที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านสุขภาพจิตของประชาชนไทยภาคกลาง. รายงานการวิจัย. กรุงเทพมหานคร: คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2534.

สุธิดา นครเรียบ, ดวงรัตน์ วัฒนกิจไกรเลิศ, พย.ด. วิชชุดา เจริญกิจการ และคณะ. ประสิทธิผลของโมบายแอพพลิเคชั่นต่อความร่วมมือ ในการรับประทานยาในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง. วารสารพยาบาลศาสตร์. 2560; 35: 58-69.

เพ็ญศิริ มรกต, กิตติกร นิลมานัต และยาวรัตน์ มัชฌิม. (2558). ผลของโปรแกรมส่งเสริมการปรับตัวของญาติผู้ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง. วารสารสภาการพยาบาล. 2558; 30: 33-45.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2024-06-28

How to Cite

คินันติ เ. ., สาและมิง น. ., ถาวรวรรณ์ ม. ., กลิ่นอ้ม ข. ., ดารุนิกร ก. ., & ประสมรักษ์ ป. . (2024). ผลของแอปพลิเคชันในสมาร์ตโฟนต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรม การดูแลสุขภาพจิตของผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ในพื้นที่อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ: The Effect of Smartphone Applications on Mental Health Literacy and Mental Health Care Behaviors of Caregivers for Dependent Elderly in Chanuman District Amnat Charoen Province. วารสารการพยาบาลและวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยนครพนม, 2(1), e1986. สืบค้น จาก https://he03.tci-thaijo.org/index.php/bcnnjournal/article/view/1986