ผลของโปรแกรมการวางแผนจำหน่ายต่อความรู้ในการดูแลตนเอง และการกลับมานอนโรงพยาบาลซ้ำของหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
คำสำคัญ:
ภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด, โปรแกรมการวางแผนจำหน่าย, การกลับมานอนโรงพยาบาลซ้ำบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (quasi-experimental research) แบบศึกษาสองกลุ่มวัดก่อนหลัง การทดลอง (two-group pretest-posttest design) เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการวางแผนจำหน่ายต่อความรู้ในการดูแลตนเองและการกลับมานอนโรงพยาบาลซ้ำของหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด การศึกษาได้ดำเนินการที่ห้องคลอดโรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก โดยกลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง เป็นหญิงตั้งครรภ์แรกที่มีอายุครรภ์ 24-34 สัปดาห์ จำนวน 60 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมกลุ่มละ 30 คน โปรแกรมการวางแผนจำหน่าย พัฒนาตามกรอบแนวคิด D METHOD ของกองการพยาบาล เป็น D METHHOD วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไป เป็นร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยความรู้ฯ ภายในกลุ่มด้วย paired t-test และคะแนนเฉลี่ยฯ ระหว่างกลุ่มด้วย independent t-test
ผลการวิจัยพบว่า หญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับโปรแกรมการวางแผนจำหน่ายมีคะแนนเฉลี่ยความรู้ในการดูแลตนเองสูงกว่าก่อนได้รับโปรแกรมการวางแผนจำหน่าย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.05) หญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับโปรแกรมการวางแผนจำหน่ายมีคะแนนเฉลี่ยความรู้ในการดูแลตนเองสูงกว่าก่อนหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับการพยาบาลตามปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.05) หญิงตั้งครรภ์กลุ่มที่ได้รับโปรแกรมการวางแผนจำหน่ายมีการกลับมานอนโรงพยาบาลซ้ำน้อยกว่ากลุ่มควบคุม
ข้อเสนอแนะ: ให้ศึกษาปัจจัยเชิงลึกในกรณีหญิงตั้งครรภ์แรกที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดที่กลับมานอนโรงพยาบาลซ้ำเพื่อนำปัจจัยไปพัฒนาโปรแกรมต่อไป
เอกสารอ้างอิง
กรมการแพทย์. (2566). แนวปฏิบัติการป้องกันการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดสำหรับประเทศไทย ฉบับ พ.ศ.2566. https://www.dms.go.th/backend//Content/Content_File/Publication/Attach/25661112141223PM_1
กรมอนามัย. (2567). DoH Dashboard กรมอนามัย (ข้อมูลจาก HDC กระทรวงสาธารณสุข). สืบค้นจาก https://dashboard.anamai.moph.go.th/dashboard/bpreterm/index?year=2024
กองการพยาบาล. (2556). แนวทางการจัดเก็บตัวชี้วัดการพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาล. สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข.
ชลทิชา รักษาธรรม, ทวีศักดิ์ กสิผล, และกมลทิพย์ ขลังธรรมเนียม. (2561). แนวปฏิบัติการดูแลสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดอย่างต่อเนื่อง. วารสารพยาบาลทหารบก, 19(ฉบับพิเศษ), 348-356.
เด่นนพพร สุดใจ, พงษ์ลดา วัชรสินธุ, จันทร์เพ็ญ ชมพานิชย์, และเสาวลักษณ์ นาคขำ. (2567). รูปแบบการจัดบริการคลินิกป้องกันการคลอดก่อนกำหนด Preterm Corner Model. กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.
เบญจวรรณ ละหุการ, วลัยลักษณ์ สุวรรณภักดี, ทัศณีย์ หนูนารถ, และมลิวัลย์ บุตรดำ. (2563). ความเครียดในหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 7(10), 1-14.
ปานจันทร์ อิ่มหนํา, ญาณิศา ประพฤติธรรม, สมจิตร สิทธิวงศ์, และปวีณา สุรินทร์ประทีป. (2566). การพัฒนารูปแบบการวางแผนจําหน่ายหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดโรงพยาบาลลําปาง. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์, 7(3), 36-51.
พรจิต จันโทภาส, ศีตรา มยูขโชติ, และจุฬารัตน์ ห้าวหาญ. (2564). การพัฒนารูปแบบการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดตามกรอบมิติคุณภาพการบริการผู้คลอด. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 8(2), 123-137.
เพียงขวัญ ภูทอง และ พีรนันท์ วิศาลสกุลวงษ์. (2562). การดูแลแบบต่อเนื่องเพื่อป้องกันการคลอดก่อนกำหนด. วารสารเกื้อการุณย์, 26(2), 156-68.
อัสมะ จารู, วรางคณา ชัชเวช, และ สุรีย์พร กฤษเจริญ. (2562). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการดูแลตนเองของหญิงตั้งครรภ์ที่ประสบความสำเร็จในการยับยั้งการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกาหนด. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 39(1), 79-92.
Cohen, J. (1977). Statistical power analysis for the behavioral sciences (Rev. ed.). Lawrence Erlbaum Associates, Inc.
Corchero-Falcón, M. D. R., Gómez-Salgado, J., García-Iglesias, J. J., Camacho-Vega, J. C., Fagundo-Rivera, J., & Carrasco-González, A. M. (2023). Risk factors for working pregnant women and potential adverse consequences of Exposure: A systematic review. International Journal of Public Health, 68, 1605655. https://doi.org/10.3389/ijph.2023.1605655
Liu, L., Oza, S., Hogan, D., Chu, Y., Perin, J., Zhu, J., Lawn, J. E., Cousens, S., Mathers, C., & Black, R. E. (2016). Global, regional, and national causes of under-5 mortality in 2000-15: An updated systematic analysis with implications for the Sustainable Development Goals. Lancet, 388(10063), 3027–3035. https://doi.org/10.1016/S0140-6736(16)31593-8
Romero, R., Dey, S. K., & Fisher, S. J. (2014). Preterm labor: One syndrome, many causes. Science, 345(6198), 760–765. https://doi.org/10.1126/science.1251816
Sandall, J., Soltani, H., Gates, S., Shennan, A., & Devane, D. (2016). Midwife-led continuity models versus other models of care for childbearing women. The Cochrane Database of Systematic Reviews, 4(4), CD004667. https://doi.org/10.1002/14651858.CD004667.pub5
World Health Organization (2024). Born Too Soon: Decade of Action on Preterm Birth. https://www.who.int/publications/i/item/9789240073890
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พุทธชินราช

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.