ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจต่อระดับน้ำตาลในเลือดชนิด HbA1C ของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ห้องตรวจเบาหวาน โรงพยาบาลสกลนคร
คำสำคัญ:
เบาหวานชนิดที่ 1, การเสริมสร้างพลังอำนาจ, น้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดบทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลอง แบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังทำการทดลองนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบค่าน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือด (Hb A1C ) ของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ก่อนและหลังได้รับโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจ เนื่องจากมีผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 เพิ่มขึ้นในโรงพยาบาลสกลนคร และมีค่าน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือด (Hb A1C) เกินเกณฑ์ที่กำหนด ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนและค่าใช้จ่ายในการรักษา กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 จำนวน 34 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) เครื่องมือทดลอง คือ โปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจ 2) เครื่องมือในการรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถามข้อมูลค่าน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือด (HbA1C) ผ่านการหาความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา เท่ากับ .95 และการทดสอบความเชื่อมั่นด้วยสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค ได้ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .91 วิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยโดยใช้สถิติ Paired t-test พบว่า
กลุ่มตัวอย่างมีค่าน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือด (HbA1C) หลังการได้รับโปรแกรมเสริมสร้างพลังอำนาจ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t= 3.904, p<0.001) โดยมีค่าน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือด (HbA1C) ก่อนได้รับโปรแกรม ( = 11.12 S.D.= 2.82) และมีค่าน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือด (HbA1C) หลังได้รับโปรแกรม( = 9.94 S.D. = 2.28)
โปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจสามารถช่วยลดค่าน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือด (Hb A1C ) ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ได้ ดังนั้นจึงควรสนับสนุนให้นำโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจ ไปใช้อย่างต่อเนื่องกับผู้ป่วยเบาหวานกลุ่มอื่นๆ ที่อยู่ในเขตความรับผิดชอบ เพื่อเป็นการขยายผลการดำเนินการต่อไป
เอกสารอ้างอิง
World Health Organization. Diabetes [Internet]. 2024 [cited 2025 May 15]. Available from: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/diabetes
Gregory GA, Robinson TIG, Linklater SE, Wang F, Colagiuri S, de Beaufort C, et al. Global incidence, prevalence, and mortality of type 1 diabetes in 2021 with projection to 2040: a modelling study. Lancet Diabetes Endocrinol. 2022;10(10):741-60.
World Health Organization. Classification of diabetes mellitus. Geneva: World Health Organization; 2019.
Saberzadeh-Ardestani B, Karamzadeh R, Basiri M, Hajizadeh-Saffar E, Farhadi A, Shapiro AMJ, et al. Type 1 Diabetes Mellitus: Cellular and Molecular Pathophysiology at A Glance. Cell J. 2018;20(3):294-301.
Grover M, Ashraf AP, Bowden SA, Calabria A, Diaz-Thomas A, Krishnan S, et al. Invited mini-review: Metabolic bone disease of prematurity: Overview and practice recommendations. Horm Res Paediatr. 2024;98(1):40-50.
สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี. แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน 2566. กรุงเทพฯ: บริษัทศรีเมืองการพิมพ์จำกัด; 2566. p.1-282.
Azar S, Alolayyan MN, Alyahya M. Exploring the intentions of hospital managers to use evidence-based management in decision-making process. Int J Healthc Manag. 2024;17(3):541-8.
Foster NC, Beck RW, Miller KM, Clements MA, Rickels MR, DiMeglio LA, et al. State of type 1 diabetes management and outcomes from the T1D Exchange in 2016–2018. Diabetes Technol Ther. 2019;21(2):66-72.
Naomi R, Teoh SH, Halim S, Embong H, Hasain Z, Bahari H, et al. Unraveling Obesity: Transgenerational Inheritance, Treatment Side Effects, Flavonoids, Mechanisms, Microbiota, Redox Balance, and Bioavailability—A Narrative Review. Antioxidants. 2023;12(8):1549.
Khadilkar A, Oza C, Mondkar SA. Insulin Resistance in Adolescents and Youth with Type 1 Diabetes: A Review of Problems and Solutions. Clin Med Insights Endocrinol Diabetes. 2023;16:11795514231206730.
Tareen RS, Tareen K. Psychosocial aspects of diabetes management: dilemma of diabetes distress. Transl Pediatr. 2017;6(4):383-96.
Miller JF. Coping with chronic illness: overcoming powerlessness. 3rd ed. Philadelphia: F.A. Davis Company; 2000. p.1-450.
ห้องตรวจเบาหวาน โรงพยาบาลสกลนคร. ข้อมูลผู้มาใช้บริการที่ห้องตรวจเบาหวานชนิดที่ 1 โรงพยาบาลศูนย์สกลนคร. 2567.
Anderson RM, Funnell MM, Butler PM, Arnold MS, Fitzgerald JT, Feste CC. Patient empowerment: Results of a randomized controlled trial. Diabetes Care. 1995;18(7):943-9.
Gray JR, Grove SK, Sutherland S. Burns and Grove’s the practice of nursing research: appraisal, synthesis, and generation of evidence. 8th ed. Philadelphia: Elsevier; 2016. p.1-852.
เพียรมะสอน หมื่นห่อ. ผลของการเสริมสร้างพลังอำนาจต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองและระดับน้ำตาลสะสมในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ [Internet]. 2568 [cited 2568 Jun 15]. Available from: https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hej/article/view/278530/188205
ศิรินทรยา สมแสน, สุรศักดิ์ ตรีนัย. ผลของการใช้สื่อความรู้ร่วมกับแรงสนับสนุนทางสังคมต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพและระดับฮีโมโกลบินเอวันซี ของผู้ป่วยวัยรุ่นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 [Internet]. 2567 [cited 2568 Jun 18]. Available from: https://www.childrenhospital.go.th/download/effects-of-using-educational-media-combined-with-social-support-on-health-care-behaviors-and-hemoglobin-a1c-levels-of-adolescent-patients-with-type-1-diabetes/
