การพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการพยาบาลวิถีใหม่ในการดูแลผู้ป่วยโควิด 19 โรงพยาบาลอุดรธานี

ผู้แต่ง

  • เนาวนิตย์ พลพินิจ กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลอุดรธานี
  • สมไสว อินทะชุบ กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลอุดรธานี
  • วรัญรดา เชื้อตายา กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลอุดรธานี
  • ณัฐชยา สิมมะลี กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลอุดรธานี

คำสำคัญ:

การพัฒนาการพยาบาลวิถีใหม่, การเพิ่มประสิทธิภาพการพยาบาล , ผู้ป่วยโควิด 19

บทคัดย่อ

     การวิจัยและพัฒนานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการพยาบาลวิถีใหม่ในการดูแลผู้ป่วย โควิด 19 และ 2) ศึกษาผลการพยาบาลวิถีใหม่ในการดูแลผู้ป่วยโควิด 19 โรงพยาบาลอุดรธานี กลุ่มตัวอย่างคือ พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานที่หอผู้ป่วยแยกโรค 84 คน เครื่องมือวิจัย ได้แก่ 1) แนวทางการพยาบาลวิถีใหม่ในการดูแลผู้ป่วยโควิด 19 แนวทางการบริหารอัตรากำลังพยาบาลในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ของกองการพยาบาล แนวทางการบริหารอัตรากำลังพยาบาล ของกลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลอุดรธานี แนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการ ติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกรมการแพทย์ แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย เรื่องการดูแลรักษาสตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด 19 แผนประคองกิจการ เพื่อรองรับการระบาดในกรณีโรค โควิด 19 ของโรงพยาบาลอุดรธานี แผนการประชุมระดมสมอง และ 2) แบบทดสอบวัดความรู้ และ 4) แบบประเมินความ พึงพอใจของพยาบาล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติ paired t-test
     ผลการวิจัยพบว่า 1. กลุ่มการพยาบาล มีการบริหารอัตรากำลังบุคลากรพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยโควิด 19 เป็นไปตามแนวทางที่กำหนด และมีค่าผลิตภาพทางการพยาบาลอยู่ในเกณฑ์  2. แนวทางการพยาบาลวิถีใหม่ในการดูแลผู้ป่วยโควิด 19 ประกอบด้วย การซักประวัติและการประเมินผู้ป่วยแรกรับ การพยาบาลและการเฝ้าระวังสัญญาณเตือนภาวะวิกฤตขณะรับการรักษา การพยาบาลเพื่อป้องกันการติดเชื้อและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ การเก็บสิ่งส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ การวางแผนจำหน่าย การประสานการดูแลต่อเนื่องกับเครือข่าย และการบันทึกทางการพยาบาล 3. ผลลัพธ์การใช้แนวทางการพยาบาลวิถีใหม่ในการดูแลผู้ป่วยโควิด 19 ได้แก่ ด้านผู้ให้บริการ พบว่า มีความรู้ และทักษะการปฏิบัติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ความพึงพอใจของผู้ให้บริการต่อการใช้แนวทางการพยาบาลวิถีใหม่ฯ อยู่ในระดับมากที่สุด (M = 4.45, SD = 0.49) ด้านความปลอดภัยของผู้ให้บริการและผู้รับบริการ พบว่าบุคลากรพยาบาลมีการติดเชื้อโควิด 19 ลดลง และอุบัติการณ์ความเสี่ยงในการย้ายผู้ป่วยไปหอผู้ป่วยแยกโรควิกฤตลดลง

References

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการเฝ้าระวัง COVID-19 ในกลุ่มผู้ป่วยทางเดินหายใจและผู้ป่วยปอดอักเสบในผู้มารับบริการในสถานพยาบาล (Sentinel surveillance of COVID-19 in ARI & CAP patients) 9 กุมภาพันธ์2564 [อินเตอร์เน็ต].2564 [สืบค้นเมื่อ22 กันยายน 2564]; เข้าถึงจากhttps://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/file/g_ari_pneumonia/g_ari_pneumonia_ddc.pdf

งานระบาดวิทยา. รายงานผู้ป่วยโรคโควิด-19 ปี 2563-2564. กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลอุดรธานี 2564.

Ginenus, F., et al. Impact of COVID-19 pandemic on chronic diseases care follow-up and current perspectives in low resource settings: a narrative review. Int J Physiol Pathophysiol Pharmacol 2021; 13(3):86-93.

Shu, Q., Marianne B., Nathalie, A. The impact of COVID-19 on pregnancy outcomes: a systematic review and meta-analysis. CMAJ 2021; 193(16): E540-8.

Donabedian, A. An Introduction to Quality Assurance in Health Care. Oxford: Oxford University Press 2003.

Kemmis S, McTaggart R. The action research planner. 3rd ed. Australia 1992.

กองการพยาบาล. การบริหารจัดการอัตรากำลังพยาบาล ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19. กองการพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข 2564.

กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ฉบับปรับปรุงวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2564.

กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ฉบับปรับปรุงวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2565.

กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ฉบับปรับปรุงวันที่ 29 กันยายน พ.ศ.2565.

คณะอนุกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. 2562-2564. แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย เรื่องการดูแลรักษาสตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด-19 (RTCOG Clinical Practice Guideline Management of Covid-19 Infection in Pregnancy) 2563.

กองการพยาบาล. การประกันคุณภาพการพยาบาลในโรงพยาบาล. งานบริการผู้ป่วยใน. กรุงเทพฯ: สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข 2554.

CDC. Guideline for Isolation Precautions: Preventing Transmission of Infectious Agents in Healthcare Settings 2007.

สาคร เจริญไธสง. ผลของการใช้ระบบModified Early Warning Score(MEWS)ในการรักษาผุ้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสโลหิต (Sepsis) ที่หอผู้ป่วยใน โรงพยาบาลบ้านผือ.วาสารการแพทย์โรงพยาบาลอุดรธานี 2562; 27(2): 228-39.

ลดาวัลย์ ฤทธิ์กล้า. ผลของการใช้แนวทางการประเมินผู้ป่วยโดยใช้สัญญาณเตือนภาวะวิกฤตต่อการย้ายเข้าหอผู้ป่วยวิกฤตโดยไม่ได้วางแผน และอัตราการเสียชีวิตในหอผู้ป่วยอายุรกรรม. TUH Journal online 2016; 1(1): 1-12.

สุมลรัตน์ ขนอม และเฉลียว ผจญภัย. ประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในการป้องกันการติดเชื้อและภาวะปอดอักเสบจากการติดเชื้อของอำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารศาสตร์สุขภาพและการศึกษา 2566; 3(1): 46-57.

สุณี สุวรรณพสุ วีรภัทรา ประภาพักตร์ และสุกัญญา พูลทรัพย์. การศึกษาประสิทธิภาพการใช้สัญญาณเตือนภาวะวิกฤตระบบ Search out Severity Score และ National Early Warning Score ต่อภาวการณ์ใส่ท่อช่วยหายใจหรือการเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยหนักโดยไม่ได้วงแผนของผู้ป่วยสูงอายุในหอผู้ป่วยอยุรกรรม. วารสารพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2564; 33(1): 56-72.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2025-02-28

How to Cite

พลพินิจ เ., อินทะชุบ ส., เชื้อตายา ว., & สิมมะลี ณ. . (2025). การพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการพยาบาลวิถีใหม่ในการดูแลผู้ป่วยโควิด 19 โรงพยาบาลอุดรธานี. วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชน, 10(1), 311–321. สืบค้น จาก https://he03.tci-thaijo.org/index.php/ech/article/view/3793