การพัฒนารูปแบบการบริการพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้นอาจาโร อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร
คำสำคัญ:
การพัฒนารูปแบบ, ผ่าตัดต้อกระจก, คลื่นเสียงความถี่สูงบทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (action research) มีวัตถุประสงค์เพื่อ1) เพื่อวิเคราะห์ระบบบริการพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร จังหวัดสกลนคร 2) เพื่อพัฒนาระบบบริการพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง งานห้องผ่าตัด โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร และ 3) เพื่อประเมินผลระบบบริการพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงอายุ60 ปีขึ้นไปเลือกแบบเจาะจง จำนวน 140 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามผู้ป่วยต้อกระจกเกี่ยวกับความรู้โรคต้อกระจก แบบบันทึกพฤติกรรมการปฏิบัติการพยาบาลของพยาบาลวิชาชีพ แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจก และแบบสอบถามความพึงพอใจของพยาบาลวิชาชีพ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .85 การศึกษาแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะเตรียมการ ระยะดำเนินการวิจัย และระยะประเมินผล เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการแจกแบบสอบถามผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจกที่เข้ารับการผ่าตัดต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงและบันทึกพฤติกรรมการปฏิบัติการพยาบาลของพยาบาลวิชาชีพ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบทีแบบจับคู่
ผลการศึกษา (1) ปัญหาของระบบริการ คือ จำนวนบุคลากรไม่เพียงพอกับการบริการผู้ป่วย รูปแบบการบริการไม่ชัดเจน ไม่มีจักษุแพทย์ประจำ (2) พัฒนารูปแบบบริการพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจก โดยกำหนดความรับผิดชอบในแต่ละหน้าที่ จัดทำแผ่นพับความรู้และการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยโรคต้อกระจก การเตรียมความพร้อมก่อนและหลังผ่าตัด สื่อวิดิทัศน์ (3) ระดับความรู้เกี่ยวกับโรคต้อกระจกก่อนการใช้รูปแบบฯอยู่ในระดับปานกลาง (=10.74, S.D=.29) หลังการใช้รูปแบบฯมีระดับความรู้อยู่ในระดับมาก (
=16.98, S.D=.22 ) (3) ความ พึงพอใจของผู้ป่วยต้อกระจกที่ได้รับการผ่าตัดด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง อยู่ในระดับมาก (
= 4.38,S.D=.73) (4) พฤติกรรมการบริการของพยาบาลวิชาชีพก่อนการพัฒนาระบบบริการภาพรวมอยู่ในระดับพฤติกรรมที่ดี(
= 2.78, S.D=.31) หลังการพัฒนาระบบบริการภาพรวมรวมอยู่ในระดับพฤติกรรมที่ดี(
= 3.00, S.D=.00) (5) ความพึงพอใจของพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติกิจกรรมการพยาบาลในการให้บริการแก่ผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง อยู่ในระดับมากที่สุด(
= 4.72, S.D=.26) (6) คะแนนความรู้หลังการพัฒนารูปแบบการบริการพยาบาลฯ สูงกว่าก่อนการพัฒนารูปแบบการบริการพยาบาลฯ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (8) ค่าเฉลี่ยพฤติกรรมการปฏิบัติการพยาบาลของพยาบาลวิชาชีพหลังการพัฒนารูปแบบการบริการพยาบาลฯ สูงกว่าก่อนการพัฒนา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
References
World Health Organization. (2021). Blindness and vision impairment. Retrieved from https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/blindness-and-visual-impairment
รังสรรค์ คีละลาย, ประเสริฐ ประสมรักษ์. (2560). ผลของรูปแบบการส่งเสริมการดูแลตนเองในชุมชนของผู้ป่วยหลังผ่าตัดต้อกระจก ในพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลนากอก อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร. วารสารการพัฒนาสุขภาพชุมชน มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 5(2): 241-58.
อมราภรณ์ ลาภชูรัต. (2561). ผลการใช้โปรแกรมส่งเสริมและป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดต่อความรู้และการปฏิบัติตัว ของผู้สูงอายุที่เข้ารับการผ่าตัดต้อกระจก โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี. วารสารวิชาการแพทย์เขต 11. 32(3): 1099-112.
คู่มือ อสม. กับการคัดกรองภาวะตาบอด. (2564). เข้าถึงได้จากhttps://www.vision2020 thailand.org/manual/manual_who.pdf
กนกพร อริยภูวงศ์, ศุภพร ไพรอุดม, ทานตะวัน สลีวงศ์. (2562). ผลของการพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจก โรงพยาบาลสุโขทัย. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี. 2(3):17–30.
ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย. (2563). CPG ต้อกระจก. [สืบค้นเมื่อ 31 ม.ค. 2567]. เข้าถึงได้จาก http://www.geocities.ws/childreneyescenter2000/cataract.htm
ยุพดี รัตดะรังสี. (2545). การพยาบาลผู้ป่วยสูงอายุทางจักษุวิทยา. กรุงเทพฯ: คอมฟอร์ม จำกัด.
American Academy of Ophthalmology. (2016). Cataract in the Adult Eye Preferred Practice Pattern. San Francisco: Elsevier Inc.
Kemmis, S., McTaggart, R. & Nixon, R. (2014). The Action Research Planner Doing Critical Participatory Action Research. Singapore: Springer.
ทัศนีย์ ทองประทีป. (2544). ความสัมพันธ์ของความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติการพยาบาลด้านจิตวิญญาณของพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์. วารสารสภาการพยาบาล. 16(4): 12-27.
ละมิตร์ ปึกขาว , เพ็ญจันทร์ แสนประสาน และกาญจนา หัถรังษี. (2563). การพัฒนารูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจก แบบมีส่วนร่วมอย่างเอื้ออาทรตามทฤษฎี Swanson โรงพยาบาลปทุมธานี. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 29(5): 864-75.
กชพรรณ อัญฤาชัย, จุฑาทิพย์ เทพสุวรรณ และภาศินี สุขสถาพรเลิศ. (2563). การพัฒนารูปแบบบริการผู้ป่วยกลุ่มโรคต้อกระจก และบริการผ่าตัดแบบไม่ค้างคืนครบวงจร. วารสารมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล. 33(1): 21-30.
อรุณรัตน์ รอดเชื้อ. (2555). ผลของโปรแกรมส่งเสริมการดูแลตนเองต่อความรู้และการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจก โรงพยาบาลราชวิถี.วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ. 28(2): 25-37.
ยุวดี ชาติไทย, นภาพร วาณิชย์กุล, สุชาดา ภัทรมงคลฤทธิ์. (2559). ผลของการให้คำแนะนำผ่านสื่อวีดิทัศน์ และหุ่น สาธิตต่อความรู้ และพฤติกรรมการดูแลตนเองหลังผ่าตัดต้อกระจกของผู้ป่วยที่รับการผ่าตัดจากหน่วยแพทย์เคลื่อนที่. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์. 36(2): 159-70
อังคนา อัศวบุญญาเดช, ดุจดาว ศุภจิตกุลชัย และวริศนันท์ ปุรณะวิทย์. (2565). ผลการสอนสุขศึกษาโดยใช้สื่อวิดิทัศน์เรื่องการปฏิบัติตัวหลังทำผ่าตัดต่อกระจกให้กับผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจก. บูรพาเวชสาร. 9(1): 13-27.
ณัฐชยา วุฒิมาปกรณ์. (2557). พฤติกรรมการดูแลความปลอดภัยผู้ป่วยของพยาบาลวิชาชีพในเครือโรงพยาบาลเกษมราษฎร์. วารสารวิชาการ Veridian E-Journal ฉบับมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์และศิลปะ. 7(1): 698-711.
วรัฐกานต์ อัศวพรวิพุธ. (2559). มาตรฐานการพยาบาล: กระบวนการพยาบาล และจริยธรรมวิชาชีพ. วารสารกฎหมายสขภาพและสาธารณสุข. 2(3): 393-400.