The effected of the program to prevent sexually transmitted infections in teenagers through the LINE application.
Keywords:
program to prevent sexually transmitted infections, LINE application, teenagersAbstract
This research was quasi-experimental study aimed at examining the effects of the program. Preventing sexually transmitted infections in adolescents through the Line application The sample group consists of adolescents aged 13-19 years who are at high risk of sexually transmitted infections, specifically selected, totaling 40 individuals. Research tools used in the study include the Sexual Infection Prevention Program, which is based on the APPLE Model. The data collection tools include a personal information questionnaire for the sample group, a sexual behavior assessment, a knowledge test on sexually transmitted infections, and an attitude survey on adolescent sexual behavior. Data analysis was conducted by calculating frequency, percentage, mean, standard deviation, and paired t-test statistics.
The research results were 20% of the respondents have had sexual intercourse, with 87.5% having their first sexual experience with a partner. The reason for having sexual intercourse was because they liked/loved the person (50%). The method of protection used during their first sexual intercourse was condoms (75%), 75% of them use condoms every time they have sexual intercourse. The reason for using condoms is to prevent sexually transmitted infections (75%). The reason for not using condoms is that it feels unnatural (87.5%). 25% have experienced symptoms of sexually transmitted infections, with 12.5% having sores or blisters on the genitals and 12.5% experiencing painful urination. The knowledge of sexually transmitted infections after receiving the adolescent sexually transmitted infection prevention program through the Line application was significantly higher than before receiving the program (p< .05), and the attitudes towards adolescent sexual relations after receiving the adolescent sexually transmitted infection prevention program through the Line application were significantly higher than before receiving the program (p< .05)
References
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2558). แนวทางการดูแลรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พ.ศ. 2558. กรุงเทพฯ: หจก. สำนักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์. 3. กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2565). กรมควบคุมโรค แนะเยาวชนยึดหลัก Start Safe SEX, Use Condom: รักปลอดภัยเริ่มที่ "ถุงยางอนามัย". (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2567 จาก https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=23352&deptcode=brc&news_views=7011
World Health Organization. (2019). Caution of Sexually Transmitted Diseases. Retrieved March 25, 2024 from https://ahfthailand.com/ WHO caution of Sexually Transmitted Diseases.
อิสรีย์ ปัดภัย, ภาวิณี แสนชนม์, เทพไทย โชติชัย, ศันสนีย์ จันทะสุข, ณิชกานต์ มีลุน และวนิดา ศรีพรหมษา. (2565). ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพทางเพศกับพฤติกรรมป้องกันโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. The Southern College Network Journal of Nursing and Public Health, 9(1): 296-309.
ศิริพร จุฑารัตน์. (2562). วัยรุ่น: เข้าใจ วัย วุ่น วาย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มติชน.
อ่อนนุช หมวดคูณ และวันเพ็ญ ช้างเชื้อ. (2562). ผลของโปรแกรมส่งเสริมพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย. 9(3): 379-89.
มาลี สบายยิ่ง. (2562). พฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในสังคมปัจจุบัน. วารสารวิทยบริการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร, 30(3), 121-127.
อรรถพล ภูอาษา. (2564). ความชุกและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศและการใช้สารเสพติดของวัยรุ่น อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่น, 28(3): 1-11.
วิไลลักษณ์ วงศ์อาษา ปิยะพร กองเงิน เละสารารัตน์ วุฒิอาภา. (2558). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศในวัยรุ่นหญิง: กรณีศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง. วารสารสาธารณสุขศาสตร์, 45(3): 285-97.
เทพไทย โชติชัย, เสาวลักษณ์ ศรีดาเกษ, ปรีชา สุวรรณทอง, ศันสนีย์ จันทสุข, ภานุวัฒน์ ศรีโยธา และอ้อยทิพย์ บัวจันทร์. (2564). พฤติกรรมเสี่ยงและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการมีเพศสัมพันธ์ของนักเรียน
วิสัย คะตา, พัชนี สมกำลัง และนาฎนภา อารยะศิลปธร. (2565). ผลการใช้รูปแบบการป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นโดยใช้ครอบครัวเป็นฐาน อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม, 19(2): 154-63.
อรุณ จิรวัฒน์กุล. (2558). สถิติทางวิทยาศาสตร์สุขภาพเพื่อการวิจัย =Statistics for health science research. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : วิทยพัฒน์.
Bloom, B. S. (1968). Learning for Mastery. Instruction and Curriculum. Regional Education Laboratory for the Carolinas and Virginia, Topical Papers and Reprints, Number 1.
ทัศพร ชูศักดิ์. (2554). รูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าที่ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) พื้นที่สาธารณสุขเขต 18. วิทยานิพนธ์ปริญญาเอก สาขาวิชาการจัดการ, มหาวิทยาลัยคริสเตียน. มัธยมศึกษาตอนปลาย. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 8(1), 278-292.
สุพิชชา ตันติธีระศักดิ์ และศิวนิต อรรถวุฒิกุล. (2559). ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนแบบผสมผสานผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ตามแนวคิดเพื่อนช่วยเพื่อน เพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาการเขียนโปรแกรมของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. Veridian E-Journal, Silpakorn University ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์และศิลปะ, 9(3): 1081-93.
ภาสิต ศิริเทศ, ประกายรัตน์ ทุนิจ, วรัฏฐา เหมทอง และกาญจนา บุศราทิจ. (2563). ความรู้เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเจคติการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาในเขตพื้นที่อําเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี. วารสารกฎหมายและนโยบาย
สาธารณสุข, 6 (ฉบับเพิ่มเติม), 53-70.
กิติยาพร สังฆศรีสมบัติ ,ชรินทร์พร มะชะรา, มนัสนันท์ พรมศรี และ นิรันดร ผานิจ. (2565). การพัฒนารูปแบบการให้ความรู้และให้คำปรึกษาผ่านแอปพลิเคชันไลน์ออฟฟิเชียลแอคเคานท์ สำหรับมารดาในการดูแลทารกเกิดก่อนกำหนด. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9, 16(2): 623-41.
ทรงสิทธิ์ สงวนศักดิ์. (2559). ทัศนคติและพฤติกรรมที่มีต่อแอพพลิเคชั่นไลน์(LINE) บนเครือข่ายสังคมออนไลน์: กรณีศึกษา นิสิตระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา. งานนิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, วิทยาลัยการบริหารรัฐกิจ, มหาวิทยาลัยบูรพา.
สรรพพร วิรัตนโภคิน, ศรีจันทร์ พลับจั่น, ปานจันทร์ อิ่มหนำ และเบญจมาศ ยศเสนา. (2566). ปัจจัยทำนายทัศนคติต่อการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในเขตเทศบาลนครลำปาง จังหวัดลำปาง. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 32(1): S15-S28.
ปนัดดา ศิริรัตนมงคล. (2559). การสำรวจความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการใช้แอปพลิเคชันไลน์ ของคนวัยทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร. การค้นคว้าอิสระปริญญามหาบัณฑิต, คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ชัยวัฒน์ ยุวมิตร และเมรีรัตน์ มั่นวงศ์. (2564). ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของนักศึกษาชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย. วารสารการแพทย์และสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, 4(1): 67-77.
ปัญญ์กรินทร์ หอยรัตน์ และปราโมทย์ วงศ์สวัสดิ์. (2563). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา. วารสารวิจัยสุขภาพและการพยาบาล, 36(1): 149-163.

