การพัฒนาโปรแกรมการจัดการตนเองสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมน้ำตาลในเลือดไม่ได้ : ศูนย์แพทย์ประชาสโมสร โรงพยาบาลขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น

ผู้แต่ง

  • นันทิยา ไทยภักดี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ศูนย์แพทย์ประชาสโมสร โรงพยาบาลขอนแก่น
  • อรอนงค์ เจ็กภู่ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ศูนย์แพทย์ประชาสโมสร โรงพยาบาลขอนแก่น

คำสำคัญ:

การจัดการตนเอง, ควบคุมน้ำตาลในเลือด, เบาหวานชนิดที่ 2

บทคัดย่อ

     การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพการณ์ ปัญหา และความต้องการ ในการจัดการตนเองสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ ศูนย์แพทย์ประชาสโมสร โรงพยาบาลขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น พัฒนาและศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมการจัดการตนเองสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมน้ำตาลในเลือดไม่ได้ ทำการศึกษาดำเนินการวิจัย 12 เดือน ระหว่างเดือนสิงหาคม 2565-เดือนกรกฎาคม 2566 กลุ่มตัวอย่างเชิงคุณภาพ คือสหวิชาชีพและภาคีเครือข่ายผู้ดูแลผู้ป่วยเบาหวาน 10 คน เชิงปริมาณ คือผู้ป่วยเบาหวานชนิด 2 ที่ควบคุมน้ำตาลในเลือดไม่ได้จำนวน 30 คน เครื่องมือ ได้แก่ แบบสัมภาษณ์เชิงลึกในการสนทนากลุ่ม โปรแกรมการจัดการตนเอง แบบเก็บข้อมูลทั่วไป แบบประเมินพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเอง และแบบประเมินความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ใช้สถิติ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ paired t-test
     ผลการศึกษาพบว่า การพัฒนาโปรแกรม ประกอบด้วย 6 รูปแบบ ดังนี้ ประกอบด้วย 1) การให้ความรู้เรื่องโรคเบาหวาน 2) การควบคุมน้ำตาล 3) การพัฒนาทักษะการจัดการตนเอง 4) ประโยชนของการจัดการตนเองและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสร้างแรงจูงใจ 5) การส่งเสริมฝึกทักษะให้ตัดสินใจที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง 6) การฝึกเขียนบันทึกเพื่อตั้งเป้าหมายและแผนการจัดการตนเอง ผลการวิจัยพบว่า ระดับน้ำตาลสะสมในเลือด (HbA1C) พฤติกรรมการจัดการตนเอง และ ระดับความพึงพอใจ เพิ่มขึ้น ภายหลังการใช้โปรแกรมอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ p <.05, t = -6.86, 8.42, 9.21 ตามลำดับ

References

World Health Organization. Diabetes. [Internet].2022. [cited 2022 October 25]. Available from: https://www.who.int/news-room/facts-in-pictures/detail/diabetes.

กระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค สำนักโรคไม่ติดต่อ. คู่มือประเมินการดำเนินงานคลินิก NCD คุณภาพปีงบประมาณ 2565.

กองโรคไม่ติดต่อ/สำนักสื่อสารความเสี่ยง กรมควบคุมโรค. รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง. 2562. [เข้าถึงเมื่อ 7 พฤษภาคม2563]. เข้าถึงได้จากhttps://ddc.moph.go.th/uploads/publish/1035820201005073556.pdf

สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.

แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน พ.ศ.2560.2560.[เข้าถึงเมื่อ 31 มีนาคม 2560]. เข้าถึงได้จาก:https:// https://w2.med.cmu.ac.th/nd/files/2019/11/Dm60.pdf

กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. แผนงาน/โครงการและตัวชี้วัดกระทรวงสาธารณสุข ประจำปีงบประมาณ 2564. 2564. .[เข้าถึงเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2564]. เข้าถึงได้จาก: https://spd.moph.go.th/wp-content/uploads/2023/05/Ebook-Y2565-V6.pdf

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น. ข้อมูลเพื่อตอบสนอง Service plan สาขาโรคไม่ติดต่อ (NCD DM,HT,CVD) [อินเตอร์เน็ต]2022. 2 ตุลาคม 2565 [เข้าถึงเมื่อ 2 ตุลาคม 2565]. สืบค้นจากhttps://kkn.hdc.moph.go.th/hdc/reports/report.php.

Health Data Center สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น. เข้าถึงได้จาก:https://kkn.hdc.moph.go.th/hdc/main/index.php

ศูนย์แพทย์ประชาสโมสร โรงพยาบาลขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น. รายงานผู้ป่วยเบาหวานจากฐานข้อมูลสุขภาพ HDC. โรงพยาบาลขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น 2566.

ธนพล วิมลวรรณ. โปรแกรมการจัดการตนเองในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 อำเภอโพนทราย จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ 2566; 4 (2): 18-25.

พรพรรณ ลีลาศสง่างาม, จินตนา จุลทัศน์ และสุภาพร ใจการุณ. รูปแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในการป้องกันโรคเบาหวานของกลุ่มเสี่ยงจังหวัดอุบลราชธานี. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น. 2562; 16(1): 274-286.

อณัญญา ลาลุน และบษพร วิรุณพันธ์. ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองต่อระดับน้ำตาลสะสมในเลือดและคุณภาพชีวิตผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในเขตรับผิดชอบโรงพยาบาลแกงคร้อ จังหวัดชัยภูมิ. ราชาวดีสาร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ 2564; 11(1): 66-80.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2025-02-28

How to Cite

ไทยภักดี น. . ., & เจ็กภู่ อ. . . (2025). การพัฒนาโปรแกรมการจัดการตนเองสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมน้ำตาลในเลือดไม่ได้ : ศูนย์แพทย์ประชาสโมสร โรงพยาบาลขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น. วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชน, 10(1), 466–476. สืบค้น จาก https://he03.tci-thaijo.org/index.php/ech/article/view/3900