การพัฒนาระบบการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยักในประชาชน 20 ปีขึ้นไป โดยประยุกต์แนวคิดการสนทนาเพื่อเสริมแรงจูงใจและการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครสาธารณสุขในเขตเทศบาลตำบลเสลภูมิ อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด

ผู้แต่ง

  • ชุติมา มาตผล พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด

คำสำคัญ:

การเข้าถึงวัคซีน, คอตีบ-บาดทะยัก, การสนทนาเพื่อเสริมแรงจูงใจ, อาสาสมัครสาธารณสุข

บทคัดย่อ

     การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมครั้งนี้วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยักในประชาชนอายุ 20 ปีขึ้นไป โดยประยุกต์แนวคิดการสนทนาเพื่อเสริมแรงจูงใจ (Motivational Interviewing: MI) และการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) การดำเนินการวิจัยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research: PAR) จำนวน 2 วงรอบ กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย อสม. จำนวน 29 คน และประชาชนกลุ่มอายุ 20 ปีขึ้นไป 100 คน ในเขตเทศบาลตำบลเสลภูมิ อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบทดสอบความรู้เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก แบบประเมินทักษะการสนทนาเพื่อเสริมแรงจูงใจ และแบบประเมินระดับการมีส่วนร่วมของ อสม. การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติวิเคราะห์ ได้แก่ Paired t-test)เพื่อเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการดำเนินการ

     ผลการดำเนินงานในวงรอบแรก พบว่า หลังการอบรม อสม. มีคะแนนเฉลี่ยความรู้เกี่ยวกับวัคซีนเพิ่มขึ้นจาก 10.72 เป็น 16.62 คะแนน และคะแนนทักษะการสนทนา MI เพิ่มจาก 2.05 เป็น 2.63 คะแนน โดยมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) ในวงรอบที่สอง ประชาชนที่ได้รับการสนทนาสร้างแรงจูงใจ(MI)โดย อสม. มีความรู้และทัศนคติเชิงบวกเพิ่มขึ้น และอัตราการเข้ารับวัคซีนคิดเป็นร้อยละ 72 นอกจากนี้ อสม. มีคะแนนเฉลี่ยด้านการมีส่วนร่วมเพิ่มขึ้นจาก 2.01 เป็น 2.54 (p<0.001)

เอกสารอ้างอิง

World Health Organization. Diphtheria vaccines: WHO position paper. Weekly Epidemiological Record. 2017; 92(31): 417-435.

World Health Organization. Tetanus vaccines: WHO position paper. Weekly Epidemiological Record. 2017; 92(6): 53-76.

Kristie E.N., Hardy I., Strebel P., Wharton M., Orenstein W.A. Vaccines. 7th ed. Philadelphia: Elsevier; 2019.

World Health Organization. Tetanus [Internet]. 2024 [cited 2024 May 15]. Available from: https://www.who.int/health-topics/tetanus

กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. รายงานสถานการณ์โรคคอตีบและบาดทะยักในประเทศไทย ปี 2566. นนทบุรี: กองระบาดวิทยา; 2566.

รุ่งเรือง กิจผาติ และคณะ. การศึกษาระดับภูมิคุ้มกันต่อโรคคอตีบในประชากรไทย. วารสารควบคุมโรค. 2562; 45(3): 254-265.

World Health Organization. Global Vaccine Action Plan 2011-2020. Geneva: WHO; 2013.

World Health Organization. Immunization Agenda 2030: A Global Strategy to Leave No One Behind. Geneva: WHO; 2020.

MacDonald N.E., SAGE Working Group on Vaccine Hesitancy. Vaccine hesitancy: Definition, scope and determinants. Vaccine. 2015; 33(34): 4161-4164.

Pan American Health Organization. Tools for monitoring the coverage of integrated public health interventions. Washington D.C.: PAHO; 2017.

โรงพยาบาลเสลภูมิ. (2567). รายงานความครอบคลุมการได้รับวัคซีนคอตีบ-บาดทะยักในผู้ใหญ่ ปีงบประมาณ 2565-2567. ร้อยเอ็ด: โรงพยาบาลเสลภูมิ.

เสกสรรค์ จวงจันทร์, พนิดา สารกอง และสายชล นิลเนตร. ผลของโปรแกรมการสนทนาสร้างแรงจูงใจต่อการควบคุมความดันโลหิตในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ โรงพยาบาลโนนคูณ จังหวัดศรีสะเกษ. วารสารพยาบาลศาสตร์. 2562;37(2):45-57.

เทอดศักดิ์ เดชคง, ธิดารัตน์ ทิพโชติ, พาสนา คุณิวัฒน์, ศรัณยพิชญ์ อักษร. การสัมมนาวิชาการนานาชาติสร้างความ เชื่อมั่น ลดความลังเลใจ พร้อมใจฉีดวัคซีน “vaccine hesitancy; management and intervention”. กรุงเทพมหานคร: บียอนด์พับลิสชิ่ง; 2565.

เทอดศักดิ์ เดชคง. หลักสูตรการสนทนาเพื่อสร้างแรงจูงใจ สำหรับผู้ลังเลใจในการฉีดวัคซีนโควิด 19 สำหรับเจ้าหน้าที่- สาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุข. กรุงเทพมหานคร: บียอนด์พับลิสชิ่ง; 2564.

อมรรันต์ จันทร์เล็ก และ ขันขวา. การพัฒนาศักยภาพของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนด้านการดูแลผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง อำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น. วารสารสิ่งแวดล้อมศึกษาการแพทย์และสุขภาพ. 2566;8(1):303-12.

Rollnick S, Mason P, Butler C. Health behavior change: a guide for practitioners. Edinburgh: Churchill Livingstone; 1999.

Cohen JM, Uphoff NT. Participation's place in rural development: Seeking clarity through specificity. World Development. 1986;8(3):213-235.

Bloom BS. Taxonomy of educational objectives: The classification of educational goals. New York: David McKay Company; 1956.

บุญชม ศรีสะอาด. การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น; 2553.

พุฒิธร มาลาทอง, เทอดศักดิ์ พรหมอารักษ์ และสมศักดิ์ ศรีภักดี. กระบวนการพัฒนามาตรฐานการดำเนินงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคในหน่วยบริการปฐมภูมิ ของเครือข่ายบริการสุขภาพ อำเภอชำนิ จังหวัดบุรีรัมย์. วารสารวิชาการสาธารณสุขชุมชน. 2564;7(3):1-11.

สวัสดิ์ อภิวัจนีวงศ์ สุวิช ธรรมปาโล, สมคิด เพชรชาตรี และอาอิซะฮ์ มูซอ.. (2562). ปัจจัยความสำเร็จต่อการปฏิบัติงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคที่เป็นเลิศของสถานบริการสาธารณสุขพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 28(2), 263-272

อภิสรา ธำรงวรางกูร. ผลของโปรแกรมการสนทนาเพื่อสร้างแรงจูงใจแบบสั้นและการติดตามเยี่ยมบ้านโดยทีมหมอครอบครัวในผู้ป่วยเบาหวานประเภท 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี. วารสารวิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย. 2566;13(1):256–69.

กิรณา อรุณแสงสด, ประณีต ส่งวัฒนา. ผลของโปรแกรมการสนทนาและให้คำปรึกษาเพื่อสร้างแรงจูงใจต่อแรงจูงใจในการดูแลตนเอง พฤติกรรมการดูแลตนเอง และอัตราการกรองของไตในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะที่ 3–4. วารสารสภาการพยาบาล. 2566;38(1):52–66.

พิมพ์ลดา อนันต์สิริเกษม, พลอยประกาย ฉลาดล้น, จรัสศรี เพ็ชรคง, รุจา แก้วเมืองฝาง, พีรเทพ รุ่งคุณากร. การพัฒนารูปแบบการสนทนาแบบสร้างแรงจูงใจและการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ต่อความเชื่อด้านสุขภาพในการมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก. วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ. 2564;6(12):544–562.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-06-30

รูปแบบการอ้างอิง

มาตผล ช. . . (2025). การพัฒนาระบบการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยักในประชาชน 20 ปีขึ้นไป โดยประยุกต์แนวคิดการสนทนาเพื่อเสริมแรงจูงใจและการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครสาธารณสุขในเขตเทศบาลตำบลเสลภูมิ อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชน, 10(3), 149–161. สืบค้น จาก https://he03.tci-thaijo.org/index.php/ech/article/view/4405