ปัจจัยนํา ปัจจัยเอื้อ ปัจจยัเสริมที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ เขตอําเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี

ผู้แต่ง

  • นพดล ทองอร่าม วิทยาลัยชุมชน ปัตตานี
  • อมรศักดิ์ โพธิ์อ่ำ มหาวิทยาลัยนเรศวร
  • พุฒิพงศ์ มากมาย วิทยาลัยนอร์ทเทิร์น

คำสำคัญ:

ปัจจัยนํา, ปัจจัยเอื้อ, ปัจจัยเสริม, พฤติกรรมสุขภาพ, ผู้สูงอายุ

บทคัดย่อ

             การวิจัยเชิงพรรณนา  มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยนํา  ปัจจัยเอื้อ  ปัจจัยเสริมที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ  ประชากรคือ ผู้สูงอายุ ระหว่าง  60 - 70 ปี เขตอําเภอลานสัก  จังหวัดอุทัยธานี   จํานวน  811  คน   โดยใช้สูตรการคํานวณขนาดกลุ่มตัวอย่างของ  Daniel  เท่ากับ 274 คน  ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบมีระบบ เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามประกอบด้วย 6 ส่วน ได้แก่ คุณลักษณะส่วนบุคคล ความรู้ด้านสุขภาพ การรับรู้ด้านสุขภาพ ปัจจัยเอื้อ ปัจจัยเสริม และพฤติกรรมสุขภาพ แบบสอบถามผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจาก  ผู้เชี่ยวชาญ  3  ท่าน   และนําไปทดลองใช้เพื่อวิเคราะห์ค่าความเชื่อมั่นโดยใช้สูตรสัมประสิทธิ์แอลฟ่าครอนบาค    เท่ากับ   0.90      วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า  ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสุขภาพผู้สูงอายุของผู้สูงอายุเขตอําเภอลานสัก จังหวัดนครปฐม อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05  ได้แก่  การรับรู้ด้านสุขภาพ  (r=0.248 ,  P-value<0.001)  การเข้าถึงบริการสถานที่สาธารณะของชุมชน (r=0.250 ,  P-value<0.001) การมีส่วนในชมรมผู้สูงอายุและชุมชน   (r = 0.206 ,   P-value <0.001)   การได้รับแรงสนับสนุนจากบุคลากรด้านสุขภาพ (r=0.257 ,  P-value<0.001) ตามลําดับ

References

กระทรวงสาธารณสุข. (2565). Health Data Center. https://hdcservicemoph.go.th/hdc/reports/page.php.

จุฬาภรณ์โสตะ. (2554). แนวคิดทฤษฐีและกำรประยุกต์ใช้เพื่อกำรพัฒนำพฤติกรรมสุขภำพ. ขอนแก่น: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

ชมพูนุช พรหมภักดี. (2556). กำรเข้ำสู่สังคมผู้สูงอำยุของประเทศไทย (Aging society in Thailand). วารสารสำนักวิชาการสำนักเลขาธิการวุฒิสภา. 3(16), 1-17.

เนาวรัตน์ ช่างไม้. (2556). ปัจจัยที่มีควำมสัมพันธ์กับพฤติกรรมกำรส่งเสริมสุขภำพผู้สูงอายุตำบลบำงรักน้อย อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี. วารสารสุขภาพภาคประชาชน. 8(6), 8-10.

สถาบันวิจัยประชากรและสังคม. (2562). สารประชากร มหาวิทยำลัยมหิดล. นครปฐม: สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล.

อมรศักดิ์ โพธิ์อ่ำ และ นูรมา สมการณ์. (2565). กำรรับรู้ด้ำนสุขภำพที่มีควำมสัมพันธ์กับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงเขตอำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส. วารสารสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์สุขภาพ. 5(1), 146-155.

Best, John W. (1977). Research is Evaluation. (3rded). Englewood Cliffs: N.J. Prentice-Hall.

Bloom, Benjamin S., et al. (1971). Hand book on Formative and Summative Evaluation of Student Learning. New York: McGraw-Hill Book Company.

Cronbach, Lee J. (1951). Essentials of Psychological Testing. (3rd ed). New York: Harper.

Daniel W.W. (2010). Biostatistics: Basic Concepts and Methodology for the Health Sciences. (9th ed). New York: John Wiley & Sons.

Green, L. W. and Kreuter, M.W. (1991). Health promotion planning: and environmental approach. Toronto: Mayfied Publishing.

Rosenstock, I.M. (1974). Historical origins of the Health Belief Model. Health Education & Behavior. 2(4), 1-9.

World Health Organization (WHO). (1994). Quality of Life Assessment: An Annotated Bibliography.

https://apps.who.int/iris/handle/10665/61629.

World Health Organization(WHO). (2002). Active ageing: A policy framework (WHO/NMH/NPH/02.8).

http://www.unati.uerj.br/doc_gov/destaque/Madri2.pdf.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

28-02-2023