ประสิทธิผลของโปรแกรมการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยสูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงต่อความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน
คำสำคัญ:
ผลของโปรแกรม, ผู้ป่วยสูงอายุภาวะพึ่งพิง, การปฏิบัติกิจวัตรประจำวันบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) เปรียบเทียบพฤติกรรมการดูแลสุขภาพที่บ้านของผู้ป่วยสูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ก่อนและหลังเข้าร่วมโปรแกรมการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยสูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง 2) เปรียบเทียบระดับคะแนนกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วยสูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ก่อนและหลังเข้าร่วมโปรแกรมการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง และ 3) เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจของผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงหลังเข้าร่วมโปรแกรมการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง เป็นรูปแบบการวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดก่อนและวัดหลังการทดลอง กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ป่วยสูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงที่มารับการรักษากับโรงพยาบาลหนองคาย จังหวัดหนองคาย จำนวน 30 คน ได้จากการสุ่มตัวอย่างที่อาศัยความน่าจะเป็น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถามที่ผ่านการหาคุณภาพเครื่องมาแล้ว สถิติที่ใช้ในการวิจัย สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติที่ใชในการทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ Dependent Samples t-test และสถิติการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบวัดซ้ำ (Repeated Measurement Analysis of Variance : Repeated ANOVA) กำหนดนัยสำคัญไว้ที่ระดับ .05
ผลการวิจัย พบว่า 1) ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบพฤติกรรมการดูแลสุขภาพที่บ้านของผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ก่อนและหลังเข้าร่วมโปรแกรมการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง หลังการทดลองมีค่าคะแนนเฉลี่ยมากกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05, 2) ผลการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบวัดซ้ำระดับความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันของผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง กลุ่มทดลองระหว่างครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 พบอิทธิพลหลักของการทดลอง ที่มีค่าคะแนนเฉลี่ยของระดับความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันของผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลการเปรียบเทียบรายคู่ด้วยวิธีการของ LSD ค่าคะแนนเฉลี่ยของความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันของผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง พบว่า การวัดครั้งที่ 3 มีค่าคะแนนเฉลี่ย มากกว่าการวัดครั้งที่ 2 และมากกว่าการวัดครั้งที่ 1 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และการวัดครั้งที่ 2 มีค่าคะแนนเฉลี่ย มากว่าการวัดครั้งที่ 1 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) หลังการทดลอง ค่าคะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจของผู้สูงอายุ โดยรวมมีค่าคะแนนเฉลี่ยของความพึงพอใจ เท่ากับ 2.64 เมื่อจำแนกเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าคะแนนเฉลี่ยสูงสุด คือ การให้บริการรักษาพยาบาลจากเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) รองลงมาคือ การสร้างแรงจูงใจในการดูแลสุขภาพ มีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากันกับ วิธีการหรือกิจกรรมในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการมีส่วนร่วมในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
เอกสารอ้างอิง
WHO/ UNICEF (1993). A Picture of health: A review and annotated of the health of young people in developing countries. Geneva: WHO.
ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ โรงพยาบาลหนองคาย. (2567). การส่งต่อในโปรแกรมเยี่ยมบ้านและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) เยี่ยมบ้าน. โรงพยาบาลหนองคาย.
ธัญพร ชื่นกลิ่น.(2562).การประเมินผลการดูแลสุขภาพระยะกลางของผู้สูงอายุในประเทศไทยตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข. กรุงเทพฯ : สํานักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์.
ปิยรัตน์ ยาประดิษฐ์ และอรสา กงตาล. (2563). “การพัฒนาจัดบริการดูแลสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ตำบลหนองสิม อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม,” วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 40 (3) : 48-65.
ประอรนุช เชื่อถือ.(2558). ความสัมพันธ์ระหว่างบทบาทครอบครัวในการส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุ. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลครอบครัว บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
สุพิชญา หวังปิติพาณิชย์. (2565). ผลของโปรแกรมเสริมสร้างศักยภาพของผู้ดูแลในครอบครัวต่อความสามารถในการดูแลและคุณภาพการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง. วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรดุษฎีบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Shelly Maynard W. (1975). Responding to social change. Pennsylvania: Dowden, Hutchison.
ชาญชัย เหลาสาร, กัลยา ไชยสัตย์ และวชิราภรณ์ วิทยาขาว. (2563). “การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพที่มีภาวะพึ่งพิง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลเวียง ตำบลกระเดียน อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี,” วารสารวิชาการสาธารณสุข, 29 (5) : 803-812.

