การพัฒนารูปแบบการป้องกันการฆ่าตัวตายในกลุ่มวัยเรียนโดยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย กรณีศึกษาอำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด
คำสำคัญ:
การป้องกันการฆ่าตัวตาย, วัยเรียน, การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย, การวิจัยเชิงปฏิบัติการบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการป้องกันการฆ่าตัวตายในกลุ่มวัยเรียนโดยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย และศึกษาผลการใช้รูปแบบที่พัฒนาขึ้น ดำเนินการตามกระบวนการ PAOR กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ได้แก่ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จำนวน 220 คน ในโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แนวทางการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างสำหรับการสนทนากลุ่ม แนวทางการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างสำหรับการสนทนากลุ่ม แบบสอบถามความรู้และทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าและการฆ่าตัวตาย และแบบคัดกรองภาวะซึมเศร้าในเด็กด้วยแบบประเมิน Children's Depression Inventory (CDI) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา สถิติเชิงพรรณนา และสถิติ Paired sample t-test
ผลการวิจัยพบว่า ก่อนการพัฒนารูปแบบ นักเรียนส่วนใหญ่มีความรู้เกี่ยวกับโรคซึมเศร้าและการฆ่าตัวตายในระดับปานกลาง ร้อยละ 58.2 (= 10.51, S.D. = 2.31) มีทัศนคติที่ถูกต้องในระดับสูง ร้อยละ 70.0 (
= 1.35, S.D. = 0.28) และมีภาวะซึมเศร้าที่มีนัยสำคัญทางคลินิก ร้อยละ 6.8 (
= 12.84, S.D. = 8.73) รูปแบบการป้องกันการฆ่าตัวตายที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ (1) ระบบการป้องกัน 2 ระดับตามความเสี่ยง (2) โครงสร้างภาคีเครือข่าย (3) ระบบการคัดกรองและติดตาม (4) ระบบการจัดการวิกฤต โดยมีกิจกรรมหลัก 5 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมชั่วโมงแนะแนว "รู้ใจ วัยใส", เครือข่าย "เพื่อนช่วยเพื่อน", การให้ความรู้โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข, คลินิกสุขภาพจิตเคลื่อนที่ และการพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากร หลังการใช้รูปแบบ พบว่านักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นเป็นระดับสูง ร้อยละ 76.4 (
= 12.24, S.D. = 1.87) มีทัศนคติที่ถูกต้องเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 88.2 (
= 1.47, S.D. = 0.23) และภาวะซึมเศร้าทางคลินิกลดลงเหลือร้อยละ 3.6 (
= 10.22, S.D. = 5.31) โดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (p < 0.001) นักเรียนที่มีภาวะซึมเศร้าทางคลินิกทั้งหมดได้รับการส่งต่อไปยังจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ร้อยละ 100
เอกสารอ้างอิง
กัญญา อภิพรชัยสกุล. สุขภาพคนไทย [อินเทอร์เน็ต]. 2564 [เข้าถึงเมื่อ 21 ตุลาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://www.thaihealthreport.com/th/articles_detail.php?id=40.
ศูนย์เฝ้าระวังการฆ่าตัวตาย. รายงานสถานการณ์การฆ่าตัวตายในประเทศไทย ปีงบประมาณ 2566 [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 21 ตุลาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://suicide.dmh.go.th/news/view.asp?id=92.
โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์. ยุทธศาสตร์การป้องกันการฆ่าตัวตายระดับชาติ พ.ศ.2564 – 2565. กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข; 2564.
นพภัสสร วิเศษ, ยชญ์รวินทร์ จรบุรมย์, อภิญญา วงศ์บุญสูง, พงษ์ศักดิ์ ศรีโคตร, ยุทธนา รัตนอากร, รุจิภาส วิสุทธิสัตย์. ผลของการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน ในการป้องกันการฆ่าตัวตายโดยโปรแกรมการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม. วารสารวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ. 2567;18(2):1–11.
กรมสุขภาพจิต. ปัญหาเครียดในวัยรุ่น [อินเทอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 21 ตุลาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=30188.
Rosenberg M. Society and the adolescent self-image. Princeton (NJ): Princeton University Press; 1965.
จุฑารัตน์ สถิรปัญญา, วิทยา เหมพันธ์. ศึกษาความเครียดของนักศึกษามหาวิทยาลัย. วารสารมหาวิทยาลัยแม่โจ้. 2556;1(1):42-58.
พรมมณี โฮชิน. ปัจจัยที่มีผลต่อความเครียดในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง; 2557.
Goel A, Bardhan S. Effect of stress on self-efficacy and emotional intelligence among college students of humanities and sciences: A study on gender differences. Int J Appl Res. 2559;2(12):318-28.
นงคราญ คชรักษา, ศรีประไพ อินทร์ชัยเทพ. การพัฒนารูปแบบการป้องกันการฆ่าตัวตายโดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน จังหวัดลำปาง. วารสารแพทย์นาวี. 2563;47(2):446–63.
Krejcie R.V., Morgan D.W. Determining sample size for research activities. Educ Psychol Meas. 1970;30(3):607-10.
ศักรินทร์ แก้วเฮ้า, ลัดดาวัลย์ สุวรรณโคตร, ยชญ์รวินทร์ จรบุรมย์, อภิญญา วงศ์บุญสูง, มัณฑนา เหมวิจิตร, พงษ์ศักดิ์ ศรีโคตร. การพัฒนาระบบการป้องกัน และแก้ปัญหาการฆ่าตัวตายระดับอำเภอโดยชุมชนมีส่วนร่วม. เอกสารเผยแพร่ภายใต้งบดำเนินงานโครงการพัฒนานวัตกรรมเชิงระบบเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพจิต. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ; 2563.
Bloom B.S, Hastings J.T, Madaus G.F. Handbook on formative and summative evaluation of student learning. New York (NY): McGraw-Hill; 1971.
Kovacs M. Children's Depression Inventory (CDI). Psychological Corporation; 1977.
Kemmis S, McTaggart R, Nixon R. The Action Research Planner: Doing Critical Participatory Action Research. Singapore: Springer; 2014.
เนตรนภา ภะมะราภา. การพัฒนารูปแบบเพื่อป้องกันการพยายามฆ่าตัวตายในผู้ป่วยโรคซึมเศร้า จังหวัดอุตรดิตถ์. วารสารวิชาการป้องกันควบคุมโรค สคร.2 พิษณุโลก. 2565;9(3):92-107.
พุทธิพร พงศ์นันทกุลกิจ, สุทธีพร มูลศาสตร์, ชัยวุฒิ สิทธิเวช, วรรณดี พุ่มไสว, นพวรรณ วิจิตรจรัสกุล. การพัฒนารูปแบบการป้องกันการฆ่าตัวตาย ในกลุ่มเสี่ยงที่มีภาวะซึมเศร้าในชุมชน จังหวัดจันทบุรี. วารสารวิจัยสุขภาพและการพยาบาล. 2565;38(2):187-97.
สุรชัย เฉนียง, ปาริชาติ เมืองขวา. พฤติกรรมการฆ่าตัวตายในวัยรุ่น. วารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม. 2562;20(39):121-30.
อธิวัฒน์ โสภณวัชรพันธ์, อทิตยา พรชัยเกตุ, เพ็ญนภา แดงด้อมยุทธ์. โปรแกรมป้องกันการฆ่าตัวตายในวัยรุ่น : การพยาบาลตามหลักเชิงประจักษ์. วารสารแพทย์นาวี. 2557;41(2):19-31.
จักรกริช ไชยทองศรี, อาทิตยา บุตรแสง, ปาลิกา แก้วลาย, ยศยา จันทะกุล, นภาพร เพียรชนะ, ศิริวรรณ แก้วเล็ก, และคณะ. ประสิทธิผลแนวทางการเฝ้าระวังและป้องกันการฆ่าตัวตาย โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน อำเภอซำสูง จังหวัดขอนแก่น. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย. 2565;67(1):59-70.
ภานุพันธ์ ไพทูรย์. การพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างคุณค่าในตนเองเพื่อป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายของวัยรุ่นในพื้นที่จังหวัดพะเยา. วารสารสหวิทยาการเพื่อการพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์. 2567;14(1):1-14.
จินตนา พลมีศักดิ์, วิรัติ ปานศิลา, กัญญารัตน์ คมคาย. การพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและดูแลผู้มีภาวะซึมเศร้าและเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย กรณีศึกษาบ้านตับเต่า ตำบลน้ำคำใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม. 2558;12(1):31-9.

