Development model of the Dependent Care Center in Nakhon Pathom Province.
Keywords:
Dependents, Dependent care centersAbstract
The study of the development model of dependent care centers in Nakhon Pathom Province aimed to study the situation of palliative care and the development model of dependent care centers in Nakhon Pathom Province. It is a participatory action research. The study period is Between October 2024 and December 2024, a total of 3 months. The sample group is 2,159 dependent people in Nakhon Pathom Province. Data was collected from the database and questionnaires. Data was analyzed using content analysis, frequency, percentage, mean, standard deviation, and Dependent t-test.
The results of the study found that after the implementation, the readiness of the dependent care centers in community hospitals in Nakhon Pathom Province, both overall and in each aspect, was at the highest level. The readiness of the dependent care centers in community hospitals in Nakhon Pathom Province for related public health personnel of CM and CG before and after the implementation, both overall and in each aspect, was significantly different at the .05 level. After the implementation, the assessment of the readiness of the dependent care centers in community hospitals in Nakhon Pathom Province for related public health personnel between CM was better than before the implementation. Dependents under the long-term public health care project (Long Term Care) received care according to the Care plan at 100.00 percent, and the sample dependent care center was Om Yai Subdistrict Municipality, Nakhon Pathom Province.
References
อัญชิษฐฐา ศิริคำเพ็ง และภักดี โพธิ์สิงห์.(2560). การดูแลผู้สูงอายุระยะยาวที่มีภาวะพึ่งพิงในยุคประเทศไทย 4.0. วารสารวิชาการธรรมทรรศน์. 17(3) 235-43
นัทธมน หรี่อินทร์.(2564). ผลการพัฒนาการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงภายใต้กระบวนการ Care Management อำเภอหนองสองห้อง จังหวัดขอนแก่น. วารสารสานักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ปี ที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน 2564
สุนิษา มะลิวัลย์.(2567). ภาวะพึ่งพิงของผู้สูงอายุไทย ในอนาคตอีก 20 ปี : อนามัยพยากรณ์ อนามัยโพล์. [ออนไลน์]. https://hfd.anamai.moph.go.th/th/news-anamai-3/229198
เกศกนก จงรัตน์ ศรีธยา ฤทธิ์ช่วยรอด นันทวุฒิ วงศ์เมฆ นิพนธ์ รัตนคช.(2562). ภาวะสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 28(6). 1013-20
ชาญชัย เหลาสาร กัลยา ไชยสัตย์ วชิราภรณ์ วิทยาขาว.(2563). การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงแบบมีส่วนร่วมของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเวียง ตำบลกระเดียน อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 29(5). 813-21
ภาสกร สวนเรือง อาณัติ วรรณศรี สัมฤทธิ์ ศรีธำรงสวัสดิ์.(2561). การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงของผู้ช่วยเหลือในชุมชนภายใต้นโยบายการพัฒนาระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข. 12(3). 437-51
กระทรวงสาธารณสุข.(2567). คู่มือการดำเนินงานตามนโยบาย สถานชีวาภิบาล. กองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ประเสริฐ สาวีรัมย์.(2565). การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง โดยการพัฒนาความรอบรู้ด้วยหลักสูตร “CG เชี่ยวชาญ” ให้กับผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ในเขตอำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9 : วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม 16(1). 86-100
สำนักอนามัยผู้สูงอายุ.(2567). มาตรฐานและแนวทางการพัฒนาสถานชีวาภิบาลในชุมชนและและองค์กรศาสนา. สำนักอนามัยผู้สูงอายุ กรมอนามัย
วิชาญ ทรายอ่อน.(2567). สถานชีวาภิบาล. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สำนักวิชาการ สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา
วารี ศรีสุรพล ชวลิต สวัสดิ์ผล.(2565). การพัฒนาศักยภาพชุมชนท้องถิ่นเพื่อผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 (2022): ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มกราคม - เมษายน 2565
ธีรนันท์ วรรณศิริ ดวงพร ผาสุวรรณ.(2564). การมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลผู้สูงอายุติดบ้านและติดเตียงในจังหวัดนครปฐม. วารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยคริสเตียน. 8(2) .
อภิรักษ์ วัฒนวิกกิจ.(2567). รูปแบบการดูแลผู้สูงอายุและพัฒนาการดูแลผู้สูงอายุในคลินิกชีวาภิบาล เขตอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชน. 9(3). 49-58
