Development for type 2 diabetes patients care model with strict behavior modification to enter diabetes in remission Subdistrict Health Promoting Hospital, Chumphon Province.
Keywords:
Type 2 diabetic patient care, strict behavior modification, remission diabetesAbstract
This research and development aimed to study the development of a care model for type 2 diabetic patients with strict behavioral modification to enter remission diabetes at the sub-district health promotion hospital, Chumphon Province. The sample group consisted of type 2 diabetic patients at the sub-district health promotion hospital, Chumphon Province. Data were collected using a recording form. Data were analyzed using frequency, percentage, mean, and standard deviation, and Dependent t-test.
The results of the study found that before the operation, the majority of the sample group was female (77.37%), with an average age of 56.01 + 9.80, abnormal BMI (100.00%), FBS over 77.4%, and A1C over 77.4%. They took MFM (97.08%), Glipizide (62.04%), and pioglitazone (7.29%). After the operation, The majority of the sample had abnormal BMI (97.1%), FBS exceeding 59.5%, and A1C exceeding 32.1%. 81.38% took MFM, 50.36% took Glipizide, 5.10% took pioglitazone, 25.18% reduced the dose, and 5.83% stopped taking the medication. The results of the comparison of the health status of type 2 diabetic patients at the Subdistrict Health Promoting Hospital, Chumphon Province before and after the operation found that there were differences in body weight, body mass index, blood sugar level, and accumulated blood sugar level, with the mean scores decreasing significantly at the .05 level.
References
สมาคมต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย. แนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานพ.ศ.2543. พิษณุโลก : กลุ่มโรคไม่ติดต่อสำนักงานควบคุมป้องกันโรคที่9จังหวัดพิษณุโลก, 2546.
สมาคมเบาหวานแห่งประเทศไทย.(2554). ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวน. URL <http://www.diabassocthai.org/index.php? option=com_content&view=article&id=30%3A2011-02-22-14-26-02&catid=5%3A2011-01-25-09-12-47&Itemid=6&lang=en> 2554.
ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมาคมต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. .(2560). แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน 2560. ปทุมธานี: บริษัท ร่มเย็น มีเดีย จํากัด.
ศิริเนตร สุขดี อังศินันท์ อินทรคำแหง พัชรี ดวงจันทร์. การพัฒนารูปแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรังด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมในการจัดการความรู้ ของชุมชนในตาบลบางเกลือ จังหวัดฉะเชิงเทรา. วารสารสุขศึกษา. ปีที่ 40 เล่มที่ 1 มกราคม – มิถุนายน 2560
DeWalt, et al. (2004). Literacy and Health outcomes. Journal of General International Medicine. 19: 1228-1239.
นลิน จรุงธนะกิจ.(2564). ผลระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่รับบริการตามแนวทางการให้บริการผู้ป่วยสถานการณ์พิเศษ (โควิด-19) โรงพยาบาลไทรงาม. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9. 15(36). 129-42
สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมาคมต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย. (2566). แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน 2566. กรุงเทพ: บริษัท ศรีเมือง การพิมพ์
ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย.(2565). แนวทางการดูแลผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ให้เข้าสู่โรคเบาหวานระยะสงบ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเข้มงวด สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข. กรุงเทพฯ : ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย.
ณัฐธิวรรณ พันธ์มุง, ขนิษฐา ศรีสวัสดิ์, พนิดา เจริญกรุง, ศศิภรณ์ สารแสง.(2567). ปัจจัยความสำเร็จของการดำเนินงานสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานเข้าสู่ระยะสงบ. วารสารวิชาการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. 20(2) 17-26
ณกานต์ชญาน์ นววัชรินทร์ ภูมิธพัฒน์ มายุศิริ เดือนเพ็ญ เคี่ยนบุ้น พนัดดา นักดนตรี.(2567). การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเข้มงวด เพื่อเข้าสู่โรคเบาหวานระยะสงบ โรงพยาบาลชุมชน จังหวัดชุมพร. วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชน. 9(1). 298=307
กัญจน์มิตา ธัญวัฒน์ธีรากุล.(2566). การพัฒนารูปแบบกระบวนการเรียนรู้ของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ในโรงเรียนเบาหวานวิทยา : กรณีศึกษาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนิคมสร้างตนเอง 2. วารสารวิชาการทางการแพทย์และสาธารณสุข ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา. 3(2). 130-51

