การพัฒนารูปแบบการดูแลตนเองในผู้ป่วยกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) หน่วยบริการปฐมภูมิ ตำบลนรสิงห์ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง

ผู้แต่ง

  • ถนอมทรัพย์ สกุลทอง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนรสิงห์

คำสำคัญ:

โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs), แนวทาง 3อ2ส, หน่วยบริการปฐมภูมิ

บทคัดย่อ

     ศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพการณ์และปัญหา พัฒนารูปแบบ และเปรียบเทียบผลลัพธ์ก่อน-หลังการใช้รูปแบบฯ ทำการศึกษา ระหว่างเดือนมกราคม-สิงหาคม พ.ศ. 2568 กลุ่มตัวอย่างเชิงคุณภาพ ได้แก่ บุคลากรสุขภาพและภาคีเครือข่าย จำนวน 20 คน เชิงปริมาณ ได้แก่ ผู้ป่วย NCDs ในตำบลนรสิงห์ จำนวน 148 คน เครื่องมือการวิจัย ได้แก่ แนวทางการสนทนากลุ่ม แบบทดสอบความรอบรู้ด้านการดูแลตนเอง แบบประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเอง แบบประเมินความพึงพอใจ แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบ และแบบประเมินผลลัพธ์ทางคลินิก วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา สถิติเชิงอนุมานในการทดสอบก่อน-หลังพัฒนาด้วยสถิติ Paired t-test

     ผลการศึกษา พบว่า กระบวนการพัฒนารูปแบบการดูแลตนเองประกอบด้วย 8 กระบวนการหลัก ได้แก่ 1) การประชาคมหมู่บ้านและการสร้างการมีส่วนร่วม 2) การพัฒนาศักยภาพบุคลากรและอาสาสมัคร 3) การพัฒนาระบบการให้ความรู้และการศึกษา 4) การสร้างระบบการดูแลแบบบูรณาการ 5) การพัฒนาระบบการดูแลตนเองของผู้ป่วย 6) การสร้างระบบสนับสนุนทางสังคม 7) การพัฒนาระบบเทคโนโลยีและนวัตกรรม 8) การประเมินผลและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยใช้แนวทาง 3อ2ส เป็นแกนหลัก ผู้เชี่ยวชาญประเมินความเหมาะสมของรูปแบบในระดับมาก (equation= 4.43, S.D. = 0.52) ประสิทธิผลของการนำรูปแบบไปใช้พบว่า ความรอบรู้ด้านการดูแลตนเองเพิ่มขึ้นจากระดับปานกลางเป็นระดับดี (จาก 5.69±1.96 เป็น 7.61±1.81 คะแนน) พฤติกรรมการดูแลตนเองเพิ่มขึ้นจากระดับปานกลางเป็นระดับดี (จาก 49.35±8.45 เป็น 58.05±7.23 คะแนน) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t = 9.43, 10.57 ตามลำดับ)

เอกสารอ้างอิง

World Health Organization. Diabetes. [Internet].2024. [cited 2024 October 25]. Available from: https://www.who.int/news-room/facts-in-pictures/detail/diabetes.

สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย, สมาคมโรคต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน พ.ศ. 2561. กรุงเทพมหานคร: บริษัทรุ่งศิลป์การพิมพ์ (1977) จำกัด; 2561.

กลุ่มพัฒนาระบบสาธารณสุข สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. รูปแบบการบริการป้องกันควบคุมโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง สนับสนุนการดำเนินงาน Clinic NCD Plus. กทม: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2565.

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการส่งเสริมสุขภาพ 3 อ 2 ส. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงสาธารณสุข; 2567.

กองยุ ทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. แผนงาน/โครงการและตัวชี้วัดกระทรวงสาธารณสุขประจำปีงบประมาณ 2564. 2564. .[เข้าถึงเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://spd.moph.go.th/wp-content/uploads/2023/05/Ebook-Y2565-V6.pdf

แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน.2560.[เข้าถึงเมื่อ 31 มีนาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก:https:// https://w2.med.cmu.ac.th/nd/files/2019/11/Dm60.pdf

โรงพยาบาลศิริราช. ความรู้โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง [Internet]. [cited 2024 May 24]. Available from:https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/472.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอ่างทอง. ข้อมูลเพื่อตอบสนอง Service plan สาขาโรคไม่ติดต่อ (NCD DM,HT,CVD) [อินเตอร์เน็ต]2024. 2 ตุลาคม 2567 [เข้าถึงเมื่อ 2 ตุลาคม 2567]. สืบค้นจากhttps://kkn.hdc.moph.go.th/hdc/reports/report.php.

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนรสิงห์ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง. รายงานผู้ป่วยไม่ติดต่อเรื้อรัง. ตำบลนรสิงห์ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง 2567.

สุภาพร สุขเกษม, วิชญ์ มั่นคง, และ รัตนา ใจแสง. (2566). ปัญหาและความท้าทายในการดูแลผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในชุมชน: การศึกษาเชิงคุณภาพ. วารสารสุขภาพชุมชน, 29(1), 34-47.

จุฑามาศ พิมพ์ทอง, อรุณ สมบูรณ์, และ มนัสวี ใจดี. (2565). การประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังตามแนวทาง 3อ2ส ในชุมชน. วารสารสุขภาพชุมชน, 18(3), 78-92.

มนัสนันท์ สุขใส, วิราพร ใจดี, และ สุภาวดี เจริญดี. (2565). ประสิทธิผลของโปรแกรมส่งเสริมการดูแลตนเองตามแนวทาง 3อ2ส ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง. วารสารโรคหัวใจและหลอดเลือด, 31(2), 78-91.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-08-31

รูปแบบการอ้างอิง

สกุลทอง ถ. (2025). การพัฒนารูปแบบการดูแลตนเองในผู้ป่วยกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) หน่วยบริการปฐมภูมิ ตำบลนรสิงห์ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง. วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชน, 10(4), 677–689. สืบค้น จาก https://he03.tci-thaijo.org/index.php/ech/article/view/4732