ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการใช้ยาของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เขตอำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์
คำสำคัญ:
พฤติกรรมการใช้ยา, การรับรู้ด้านสุขภาพ, โรคเบาหวานชนิดที่ 2บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการใช้ยาของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ประชากรคือ ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีรายชื่อตามทะเบียนรักษาโรคเบาหวานของ คลินิกโรคเบาหวานของโรงพยาบาลบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ ปี พ.ศ. 2562 จำนวน 860 คน ผู้วิจัยกำหนดขนาดตัวอย่าง โดยใช้สูตรการคำนวณ กลุ่มตัวอย่าง ที่ทราบจำนวนประชากรที่แน่นอนของ Daniel ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 279 ราย ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่าง แบบมีระบบ เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูลคือแบบสอบถาม ประกอบด้วย 5 ส่วน ได้แก่ คุณลักษณะส่วนบุคคล ระบบบริการสุขภาพ การรับรู้ด้านสุขภาพ สิ่งชักนำให้เกิดการปฏิบัติและพฤติกรรมการใช้ยา ทดสอบคุณภาพของแบบสอบถาม โดยแบบสอบถาม ผ่านการตรวจสอบ ความตรงตามเนื้อหา จากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน นำไปทดลองใช้ เพื่อวิเคราะห์ค่าความเชื่อมั่น โดยใช้สูตรสัมประสิทธิ์แอลฟ่าครอนบาค ได้ค่าความเชื่อมั่น ของแบบสอบถาม เท่ากับ 0.904 วิเคราะห์ข้อมูลด้วย สถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน
ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์พบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการใช้ยาของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ประกอบด้วย ผู้ที่ทำหน้าที่ในการดูแลสุขภาพ การได้รับการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อน การได้รับข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ การได้รับการเยี่ยมบ้าน การได้รับบริการหัตถการ การรับรู้โอกาสเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน การรับรู้ความรุนแรงของการเกิดภาวะแทรกซ้อน การรับรู้ประโยชน์ของการป้องกันภาวะแทรกซ้อน การรับรู้อุปสรรคของการป้องกันภาวะแทรกซ้อน แรงสนับสนุนภายในครอบครัว และการใช้สมุนไพรและแพทย์ทางเลือก ตามลำดับ ปัจจัยที่สามารถทำนาย พฤติกรรมการใช้ยา ของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ประกอบด้วย การใช้สมุนไพร และแพทย์ทางเลือก ( P-value < 0.001 ) การได้รับการเยี่ยมบ้าน (P-value < 0.001) การรับรู้อุปสรรคของการป้องกันภาวะแทรกซ้อน (P-value = 0.006) มีผู้ที่ทำหน้าที่ในการดูแลสุขภาพ ( P-value = 0.002 ) แรงสนับสนุนภายในครอบครัว (P-value = 0.005) การได้รับบริการหัตถการ (P-value = 0.040) ตามลำดับ ตัวแปรอิสระทั้ง 6 ตัว ดังกล่าวนี้ สามารถทำนายพฤติกรรมการใช้ยาของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ร้อยละ 61.8 (R2 = 0.618)
References
กระทรวงสาธารณสุข. (2564). รายงานตามตัวชี้วัดกระทรวงปี 2566. https://hdcservice.moph.go.th/hdc/reports/page_kpi.php.
ชัยชาญ ดีโรจนวงศ์, กอบชัยพัววิไล. (2546). การวินิจฉัยและจำแนกโรคเบาหวาน. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์เรือนแก้วการพิมพ์.
ภัณฑิลา อิฐรัตน์. (2541). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการดูแลตนเองของผู้สูงอายุโรคเบาหวานในโรงพยาบาลชุมชน จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์. 21(3), 22-31.
ศศิพัฒน์ ยอดเพชร. (2548). ระบบการดูแลระยะยาวในครอบครัวสำหรับผู้สูงอายุ. กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.).
ศิริพันธ์ สาสัตย์. (2552). โครงการ การศึกษาสถานดูแลผู้สูงอายุระยะยาวในประเทศไทย (รายงานการวิจัย). กรุงเทพฯ: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข และมูลนิธิสถาบันและพัฒนาผู้สูงอายุไทย.
สุมาลี วังธนากร, ชุติมา ผาติดำรงกุล และ ปราณี คำจันทร์. (2561). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการรับประทานยาในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง. สงขลานครินทร์เวชสาร. 26(6), 539-547.
สูรชัย อัญเชิญ. (2543). การใช้ยาอย่างปลอดภัยโอสถสาระ 2000. จุลสารรวมสาระเรื่องยาเพื่อส่งเสริมบทบาทเภสัชกร. 1(3), 1-12.
สำนักการพยาบาล สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข. (2556). การพยาบาลผู้ป่วยที่บ้าน. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
อมรศักดิ์ โพธิ์อ่ า. (2563). พฤติกรรมการป้องกันภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จังหวัดนครสวรรค์. วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต. 8(3), 603-614.
อานนท์ แก้วบำรุง. (2560). ประสิทธิผลของโปรแกรมระบบการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานแบบไร้รอยต่อของคลินิกโรคเบาหวานโรงพยาบาลถลาง จังหวัดภูเก็ต. วารสารวิชาการแพทย์เขต 11. 31(4), 745-756.
American Diabetes Association. (1997). Standards of Medical Care in Diabetes-2014. Diabetes Care. 37(1), S14-S80.
Beach, E. K., Moloney, B. H., and Arkon, O. H., (1992). The spouse: A factor in recovery after myocardial infarction. In Heart & Lung: Journal of Clinical Care. 1, 30-38.
Becker, Marshall H. (1974). The Health Belief Model and Preventive Behavior. Health Education Monographs. 2, 324-508.
Best, John W. (1977). Research is Evaluation. (3rd ed). Englewod cliffs: N.J. Prentice Hall.
Cronbach. (1997). Essentials of Psychological Testing. New York: Harper and Row.
Daniel W.W. (2010). Biostatistics: Basic Concepts and Methodology for the Health Sciences. (9th ed). New York: John Wiley & Sons.
Gallant, A. R., Rossi, P. E., Touchen, G. E. (1992). Stock price and volume. Review of Financial Studies. 5(2), 199-242.
Pender. N. J., Walker S. N., Sechrist K. R., Strombory M. F. (1990). Predicting Health-Promotion Lifestyle In the Workplace. Nurs Res. 39(6), 326-32.
World Health Organization (WHO). (2009). Diabetes : Cost. http://www.who.int/dietphysicalactivity/publications/facts/diabetes/en/.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2023 วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนอร์ทเทิร์น
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.