ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการได้รับบริการเภสัชกรรมปฐมภูมิ ในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง จังหวัดสุโขทัย

ผู้แต่ง

  • พงศ์พัฒน์ เรืองวิทย์
  • ทรรศนีย์ บุญมั่น

คำสำคัญ:

บริการเภสัชกรรมปฐมภูมิ, ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง, ประสิทธิภาพการบริการ

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

            การวิจัยเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวางเพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการได้รับบริการเภสัชกรรมปฐมภูมิในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง จังหวัดสุโขทัย กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่รับบริการเภสัชกรรมปฐมภูมิ ณ คลินิกผู้ป่วยโรคเรื้อรังในจังหวัดสุโขทัย จำนวน 425 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม ประกอบด้วย ปัจจัยข้อมูลส่วนบุคคล ปัจจัยด้านสุขภาพ ปัจจัยด้านการเข้าถึงบริการ ความรู้เกี่ยวกับโรคและการใช้ยา ทัศนคติต่อการรักษา ปัจจัยด้านการสนับสนุนทางสังคม ปัจจัยด้านนโยบายและการบริหารจัดการ และประสิทธิภาพการได้รับบริการเภสัชกรรมปฐมภูมิ โดยแบบสอบถามความรู้ใช้ค่า KR20 เท่ากับ 0.84 แบบสอบถามอื่นๆ ใช้ค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาของครอนบาค มีค่าความเชื่อมั่นระหว่าง 0.80-0.86 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่ามัธยฐาน ค่าสูงสุด ค่าต่ำสุด และการวิเคราะห์ถดถอยเชิงเส้นพหุคูณ ด้วยวิธีการคัดเลือกตัวแบบแบบขั้นตอน

        ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 56.9 มีอายุเฉลี่ย 53.5±11.2 ปี เป็นผู้ป่วยโรคเบาหวาน ร้อยละ 45.2 และโรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 38.8 มีระยะเวลาการเจ็บป่วยเฉลี่ย 8.5±5.2 ปี มีการเข้าถึงบริการอยู่ในระดับสูง ร้อยละ 70.1 มีความรู้เกี่ยวกับโรคและการใช้ยาอยู่ในระดับสูง ร้อยละ 72.4 มีทัศนคติต่อการรักษาอยู่ในระดับสูง ร้อยละ 83.8 มีการสนับสนุนทางสังคมอยู่ในระดับสูง ร้อยละ 67.5 และมีประสิทธิภาพการได้รับบริการเภสัชกรรมปฐมภูมิอยู่ในระดับสูง ร้อยละ 69.2 ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการได้รับบริการเภสัชกรรมปฐมภูมิอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คือ ความรู้เกี่ยวกับโรคและการใช้ยา (p < 0.001, β = 0.367) ปัจจัยด้านการเข้าถึงบริการ (p < 0.001, β = 0.362) และปัจจัยด้านการสนับสนุนทางสังคม (p < 0.001, β = 0.197) โดยสามารถร่วมกันทำนายประสิทธิภาพการได้รับบริการเภสัชกรรมปฐมภูมิในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ได้ร้อยละ 63.4 การศึกษานี้ควรนำไปใช้ในการพัฒนาโปรแกรมการให้ความรู้ที่เป็นระบบ การเพิ่มการเข้าถึงบริการ และการส่งเสริมการสนับสนุนทางสังคมสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง

 

เอกสารอ้างอิง

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงสาธารณสุข. (2563). รายงานสถิติสาธารณสุขประจำปี 2563. นนทบุรี: สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข.

ทรงวุฒิ สารจันทึก. (2564). ความคาดหวังกับการรับรู้คุณภาพการบริการเภสัชกรรมปฐมภูมิในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ในจังหวัดสระบุรี. เชียงรายวารสาร, 13(3), 17-32.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย. (2563). รายงานข้อมูลสุขภาพจังหวัดสุโขทัย ปี 2563. สุโขทัย: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย. (2566). แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ จังหวัดสุโขทัย ปีงบประมาณ 2566. สุโขทัย: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย.

Bloom. (1968). Taxonomy of Education. New York: David McKay Company Inc.

Bender D. E., & Ewbank, D. (1994). The focus group as a tool for health research: Issues in design and analysis. Health Transition Review, 4(1), 63–80.

Daniel. (1995). Biostatistics: A foundation for analysis in the health sciences. New York: Wiley & Sons.

Greer N., Bolduc, J., Geurkink, E., Rector, T., Olson, K., Koeller, E., ... & Wilt, T. J. (2016). Pharmacist-led chronic disease management: A systematic review of effectiveness and harms compared with usual care. Annals of Internal Medicine, 165(1), 30-40.

Lindlof T. R. (1995). Qualitative communication research methods. Thousand Oaks: SAGE Publications.

Liu Y., Zhang, M., Luo, Q., & Shen, Y. (2022). Effects of pharmacist-led interventions on medication adherence in patients with type 2 diabetes mellitus and hypertension:

A randomized controlled trial using WeChat. BMC Health Services Research, 22, 1025.

Minhat H. S. (2015). Determinants for effective primary healthcare delivery: A review. International Journal of Public Health Research, 5(1), 1–7.

Ridde V., Pérez, D., & Robert, E. (2020). Primary health care: A strategic framework for health system strengthening. Geneva: World Health Organization.

Smith F. J., Khan, T. M., & Sheikh, A. (2019). Role of pharmacists in primary health care. Journal of Pharmaceutical Health Services Research, 10(2), 123–130.

Sookaneknun P., Saramunee, K., & Suksaeree, J. (2010). Economic analysis of screening services in community pharmacies compared to public primary care settings in Thailand. Value in Health Regional Issues, 1(1), 118–122.

Smith S. M., Wallace, E., O’Dowd, T., & Fortin, M. (2015). Interventions for improving outcomes in patients with multimorbidity in primary care and community settings. Cochrane Database of Systematic Reviews, 3, 650.

Sleath B., Rubin, R. H., Campbell, W., Gwyther, L., & Clark, T. (2000). Physician–patient communication about over-the-counter medications. Social Science & Medicine, 50(4), 567–576.

Wagner E. H., Austin, B. T., & Von Korff, M. (2001). Improving chronic illness care: Translating evidence into action. Health Affairs, 20(6), 64–78.

World Health Organization. (2021). Active Aging:A policy framework. เข้าถึงได้จาก https://iris.who.int/bitstream/handle

Xie W., Wang, Y., Wang, X., & Lu, Q. (2017). Effects of pharmaceutical care on clinical outcomes of outpatients with type 2 diabetes mellitus. Patient Preference and Adherence, 11, 1193–1199.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

30-09-2025

รูปแบบการอ้างอิง

เรืองวิทย์ พ. ., & บุญมั่น ท. . . (2025). ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการได้รับบริการเภสัชกรรมปฐมภูมิ ในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง จังหวัดสุโขทัย. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนอร์ทเทิร์น, 6(3), 29–49. สืบค้น จาก https://he03.tci-thaijo.org/index.php/scintc/article/view/4989