การพัฒนาระบบเฝ้าระวังการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพในโรงพยาบาลสังคม จังหวัดหนองคาย

ผู้แต่ง

  • กฤษติยา พรมมา โรงพยาบาลสังคม จังหวัดหนองคาย

คำสำคัญ:

เชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ, การป้องกันการติดเชื้อ, โรงพยาบาลชุมชน

บทคัดย่อ

           การวิจัยเชิงปฏิบัติการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์การติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพในโรงพยาบาลสังคม พัฒนาแนวทางการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ และศึกษาผลของการใช้แนวทางการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ การศึกษาใช้กลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข จำนวน 50 คน ที่คัดเลือกแบบเจาะจง และผู้ป่วยในโรงพยาบาล จำนวน 200 คน ที่สุ่มแบบมีระบบ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง แบบวัดความรู้ แบบประเมินการปฏิบัติ และแบบบันทึกข้อมูลการติดเชื้อ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา การทดสอบที และการวิเคราะห์เนื้อหา

            ผลการวิจัยพบว่า แนวทาง WISE Model ที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ได้แก่ การเฝ้าระวังและรายงาน (Watch & Report) การปฏิบัติ (Implementation) การพัฒนาบุคลากร (Staff Development) และการมีส่วนร่วม (Engagement) ภายหลังการใช้แนวทางดังกล่าว บุคลากรมีคะแนนความรู้เพิ่มขึ้นจาก 15.2 เป็น 18.4 คะแนน และคะแนนการปฏิบัติเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 65.3 เป็นร้อยละ 88.7 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.001) นอกจากนี้ อัตราการติดเชื้อดื้อยาลดลงจาก 0.5 เหลือ 0.3 ต่อ 1,000 วันนอน และระยะเวลาการนอนโรงพยาบาลโดยรวมลดลงจาก 9.9 วันเหลือ 6.5 วัน โดยพบการลดลงมากที่สุดในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด (4.4 วัน) สรุปได้ว่า WISE Model เป็นแนวทางที่มีประสิทธิผลในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพในโรงพยาบาลชุมชน สามารถพัฒนาความรู้และการปฏิบัติของบุคลากร ลดอัตราการติดเชื้อ และลดระยะเวลาการนอนโรงพยาบาลได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

เอกสารอ้างอิง

อะเคื้อ อุณหเลขกะ. (2561). แนวทางการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาล (พิมพ์ครั้งที่ 4). มิ่งเมือง.

สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2563). แนวปฏิบัติเพื่อป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล. สำนักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์.

World Health Organization. (2022). Global antimicrobial resistance and use surveillance system (GLASS) report: 2022. https://www.who.int/publications/i/item/9789240062702

Antimicrobial Resistance Collaborators. (2022). Global burden of bacterial antimicrobial resistance in 2019: a systematic analysis. The Lancet. https://www.thelancet.com/journals/lancet/article/PIIS0140-6736(21)02724-0/fulltext

Colet, P. C., Cruz, J. P., Cacho, G., Al‐Qubeilat, H., Soriano, S. S., & Cruz, C. P. (2018). Perceived infection prevention climate and its predictors among nurses in Saudi Arabia. Journal of Nursing Scholarship, 50(2), 134-142.

Hanberger, H., Walther, S., Leone, M., Barie, P. S., Rello, J., Lipman, J., Nilsson, L. E., Almgren, M., Sejvar, J., & Åkerlund, B. (2010). Methicillin-resistant Staphylococcus aureus (MRSA) in ICUs with infection control measures are taken. Infection Control and Hospital Epidemiology, 38(3), 159-164.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-12-25

รูปแบบการอ้างอิง

พรมมา ก. . (2024). การพัฒนาระบบเฝ้าระวังการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพในโรงพยาบาลสังคม จังหวัดหนองคาย. วารสารวิชาการเพื่อการพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิและสาธารณสุข, 2(3), 170–183. สืบค้น จาก https://he03.tci-thaijo.org/index.php/AJHSD/article/view/4118

ฉบับ

ประเภทบทความ

Research artricle