การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกร่วมกับโมเดลเลิฟเพื่อส่งเสริมความสามารถ ในการใช้ทักษะชีวิตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นแบบกึ่งทดลองโดยใช้กลุ่มตัวอย่างหนึ่งกลุ่มทดสอบก่อนและหลังทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกร่วมกับโมเดลเลิฟ 2. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน 3. ศึกษาระดับความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และ 4. ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเลิงนกทา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 40 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1. แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 8 แผน เวลา 12 ชั่วโมง แบ่งเป็น 3 หน่วยการเรียนรู้ หน่วยละ 4 ชั่วโมง วัดผลหลังเรียนในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ 2. แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 3. แบบประเมินความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และ 4. แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบที ผลการวิจัยพบว่า 1. กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกร่วมกับโมเดลเลิฟ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้ 1) T: Touch เผชิญปัญหา 2) A: Active ทำความเข้าใจ วิเคราะห์ 3) C: Cooperate ศึกษาค้นคว้า แก้ปัญหา 4) H: How to เห็นคุณค่า นำไปใช้ โดยผ่านการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าดัชนีความสอดคล้องขององค์ประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ 0.97 2. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. นักเรียนมีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิตในภาพรวมร้อยละ 89.41 อยู่ในระดับดีเยี่ยม 4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนรู้ คะแนนเฉลี่ยรวม 4.79 คะแนน อยู่ในระดับมากที่สุด
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์การกีฬาและนวัตกรรมสุขภาพ กลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งประเทศไทย ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์การกีฬาและนวัตกรรมสุขภาพ กลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งประเทศไทย ถือเป็นลิขสิทธิ์ของคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิทยาศาสตร์การกีฬาและนวัตกรรมสุขภาพ กลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งประเทศไทย ก่อนเท่านั้น
References
Boonchan A. (2022). Development of problem based learning management to promote life skills and careers in the Science for electrical works electronics and communication of first year High Vocational Certificate Students. Master of Education Thesis. Pitchanulok: Naresuan University. (In Thai)
Chanjirawadee, P., Singha Chankhaw, S., and Wattanaburanon, A. (2024). Effects of sex education learning management using LOVE Model and self-efficacy theory to enhance sexual health literacy of junior high school students. Thai AIDS Journal, 36(2), 57-67
Loengnoktha school health work, 2023
Ministry of Education. (2017). Basic Education Core Curriculum 2008. Bangkok: Agricultural Cooperative Association of Thailand. (In Thai)
Ministry of Education. (2019). Guidelines for supervision to develop and promote active learning management according to the policy of reducing study time and increasing learning time. Bangkok: Ministry of Education. (In Thai)
Nilasila, P. & Suksai, L. (2020). A Study on Academic Achievement in Sex Education Unit for Enhancing Life Skills Through Problem-Based Learning of Matthayomsuksa 5 Students. Journal of MCU Ubon Review, 5(3), 43-52. (In Thai)
Onnang, K. (2018). The 21Th Century Teacher roles in Active Learning Model [Online]. Retrieved February 15, 2025, from: http://cmruir.cmru.ac.th/handle/123456789/2126 (In Thai)
Phothika, W. & Laumka, R. (2023). Organizing Problem-Based Learning Experiences to Enhance Life Skills of Early Childhood. Journal of MCU Ubon Review, 8(2), 1795-1806. (In Thai)
Photisakha, S. (2023). Report on receiving health services at Loengnoktha School [Presentation document]. Yasothon: Loengnoktha School, Loengnoktha District, Yasothon Province. (In Thai)
Ruangnak, V. (2020). Effects of Competency-Based Learning on Life and Career Skills of Secondary School Students in Health Education Subject Using Problem-Based Learning. Master of Education Thesis. Bangkok: Chulalongkorn University. (In Thai)
Saengphakdee, W. & Tungkasamit, A. (2022). The development of life skills and learning achievementof grade 9 students at Laoyainakhawittayakom schoolin S 23102 social studies course using problem-based learning with social media. Rajabhat Maha Sarakham University Journal, 16(3), 150-160. (In Thai)
Songchim, S. (2020). Learning Management on Sex Education using Love Model for Reducing Risk Sexual Behaviors to Adolecents. Master of Public Health Thesis. Chonburi: Burapha University. (In Thai)
Tanyasiri, N. (2018). Integration of Moral Values into Sex Education Teaching for Secondary School Students. Journal of Education Studies Chulalongkorn University, 46(1), 185–201.
Wattanaburanon, A. (2014). Learning Management Using the LOVE MODEL to Develop Humane Values in Health Education: A Comparative Study of Sex Education and Safety Education. Journal of Education, 42(2), 191-206. (In Thai)
Wattanaburanon, A. (2018). Development Research of LOVE MODEL for Enhancing Comprehensive Humanization : A Research Program for Higher Education Students. 2nd edition. Bangkok: O.S. Printing House. (In Thai)