การศึกษาความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ ตาม 3อ.2ส. ของพนักงานออฟฟิต ในเขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบตัวแปรที่มีผลต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพตามหลัก 3อ.2ส. ของพนักงานออฟฟิตในเขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร จำแนกตามตัวแปร เพศ อายุ สถานภาพ และระดับการศึกษา การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างเป็น พนักงานออฟฟิตในเขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร จำนวน 400 คน โดยวิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้เป็นแบบประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ ตาม 3อ.2ส.ของประชาชน ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป (ฉบับปรับปรุงปี 2561) โดยมีสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยจากการวิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย ระหว่างกลุ่ม (ทีเทศและเอฟเทส) ในกรณีที่พบว่ามีความแตกต่างกัน จึงทำการทดสอบเป็นรายคู่ด้วยวิธีของเชฟเฟ่ โดยกำหนดระดับความมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ผลการวิจัยพบว่า 1) ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพตามหลัก 3อ.2ส. ของกลุ่มตัวอย่าง โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 67.08 และ 2) ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพตามหลัก 3อ.2ส. จำแนกตามตัวแปร ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพ และระดับการศึกษานั้น แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากข้อค้นพบของการวิจัยในครั้งนี้ สรุปว่า ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ ตาม 3อ.2ส. ของพนักงานพนักงานออฟฟิตในเขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร อยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรส่งเสริมให้ประชาชนได้เล็งเห็นความสำคัญของการออกกำลังกายที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์การกีฬาและนวัตกรรมสุขภาพ กลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งประเทศไทย ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์การกีฬาและนวัตกรรมสุขภาพ กลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งประเทศไทย ถือเป็นลิขสิทธิ์ของคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิทยาศาสตร์การกีฬาและนวัตกรรมสุขภาพ กลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งประเทศไทย ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
American College of Sports Medicine. (2018). ACSM’s Guidelines for Exercise Testing and Prescription. (10 ed.). Philadelphia, PA: Wolters Kluwer Health
Bull, F. C., Al-Ansari, S. S., Biddle, S., Borodulin, K., Buman, M. P., Cardon, G., … Willumsen, J. F. (2020). World Health Organization 2020 guidelines on physical activity and sedentary behaviour. British Journal of Sports Medicine, 54: 1451–1462.
Chunchai, S., Champadet, N., Chalangthamniam, K., Ratchani, C., & Ampamanee, A. (2022). Health literacy and health behavior according to 3A.2S.of patients with diabetes and hypertension in Bang Phli District, Samut Prakan Province. Journal of Health and Nursing Research, 38(2), 235-245. (in Thai)
Cochran, W.G. (1977) Sampling Techniques. 3rd Edition, John Wiley & Sons, New York.
Coughlin S. S., Whitehead M., Sheats J. Q., Mastromonico J., & Smith S. (2016). A review of smartphone applications for promoting physical activity. Jacobs J Community Med, 2(1), 1-14.
Department of Physical Education. (2019). Physical fitness test for children and youth aged 7-18 years. Sports Science Department. World Exterminate Co., Ltd. Bangkok. (in Thai)
Division of Health Education, Department of Health Service Support, Ministry of Public Health (2016). Strengthening the assessment of health literacy and health behavior [Online]. Retrieved July 12, 2024, from: http://www.hep.go.th/uploads/file/Health 20%Listeracy/studywork.pdf. (in Thai)
Hammami, A., Harrabi, B., Mohr, M., & Krustrup, P. (2022). Physical activity and coronavirus disease 2019 (COVID-19): specific recommendations for home-based physical training. Managing Sport and Leisure, 27(1-2), 26-31.
Huai Khwang District Office. (2025). Population statistics in Huai Khwang District [Online]. Retrieved July 12, 2024, from: https://webportal.bangkok.go.th/huaikhwang/page/sub/22167. (in Thai)
Khamphisut, J. (2018). Health intelligence and health promotion behavior of Naresuan University students. Journal of the Faculty of Education, Mahasarakham University, 24(1), 67–71. (in Thai)
Ministry of Tourism and Sports. (2023). National Sports Development Plan No. 7 (2022 - 2027). Bangkok: Office of the Permanent Secretary, Ministry of Tourism and Sports. Ministry of Tourism and Sports. (in Thai)
Nakhon Ratchasima Provincial Public Health Office. (2018). Problems in the implementation of the Nakhon Ratchasima Provincial Public Health Performance Monitoring and Evaluation Project. Nakhon Ratchasima: Nakhon Ratchasima Provincial Public Health Office. (in Thai)
National Statistical Office, Ministry of Digital Economy and Society. (2022). Labor Statistics [Online]. Retrieved July 12, 2024, from: https://www.nso.go.th/nsoweb/index. (in Thai)
Paiboonsiri, P. (2018). Health literacy and health behavior 3A 2S of government administrators in Phra Nakhon Si Ayutthaya Province. Journal of the Preventive Medicine Association of Thailand. 8(1), 97-107. (in Thai)
Panuthai, C., Phanthayut, P., Dokmaikhao, A., Udomvirotsin, J. Boonprasert, U., Tongkampanit, P., Krutwong, A., & Kwannai, S. (2023). Quality of life of people in suphan buri province amidst the COVID-19 pandemic. Academic Journal of Thailand National Sports University, 15(2), 27-43. (in Thai)
Pender, N.J. (1996). Health Promotion in Nursing Practice. 2nd ed. Connecticut: Appleton and Lange.
Raethong, A. (2019). Health literacy and health behavior of village health volunteers, 3A.2S., a case study of Hin Tok Subdistrict, Ron Phibun District, Nakhon Si Thammarat Province. Academic Journal of the Department of Health Service Support. 15(3), 62-70. (in Thai)
