การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยจิตเวชเพื่อป้องกันอาการกำเริบรุนแรง สำหรับผู้ดูแลและครอบครัว โรงพยาบาลโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย Development of a Care Model for Psychiatric Patients to Prevent Severe Relapse for Caregivers and Families at Phon Phisai Hospital, Nong Khai Province.
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทคัดย่อ
การวิจัยและพัฒนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยจิตเวชเพื่อป้องกันอาการกำเริบรุนแรง สำหรับผู้ดูแลและครอบครัว โรงพยาบาลโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย แบ่งการวิจัยออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 1) การศึกษาสถานการณ์การดูแลในมุมมองผู้ให้บริการและผู้ดูแล 2) พัฒนารูปแบบการดูแลฯ 3) การทดลองใช้และประเมินผล เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แนวคำถามสัมภาษณ์ แบบประเมินระดับความถี่ ของการเกิดอาการกำเริบ และการประเมินระดับพฤติกรรมการปฏิบัติเพื่อลดอาการกำเริบ ดำเนินการศึกษาตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยข้อมูลเชิงคุณภาพ ใช้กระบวนการวิเคราะห์เนื้อหา ส่วนข้อมูลเชิงปริมาณวิเคราะห์โดยสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบความแตกต่างด้วย Paired–test
ผลการวิจัย ภายหลังการใช้รูปแบบการดูแลที่พัฒนาขึ้น พบว่า ผู้ดูแลมีความรู้ ทักษะ และมีพฤติกรรมการดูแลผู้ป่วยดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) และป่วยมีอาการอาการกำเริบลดลง เนื่องจากมีการจัดตั้งคลินิกจิตเวชที่มีแนวทางการดูแลที่ชัดเจน ช่วยให้การวางแผนการจำหน่าย รวมถึงสื่อสารสื่อที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ดูแลสามารถสังเกตเห็นอาการผิดปกติได้ทัน ส่งผลต่อการจัดการกับอาการที่กำลังจะกำเริบได้เป็นอย่างดี ดังนั้น จึงควรขยายผลการนำเอารูปแบบนี้ไปสู่เครือข่ายในชุมชนต่อไป
คำสำคัญ : รูปแบบการดูแลผู้ป่วยจิตเวช, การป้องกันอาการกำเริบรุนแรง, ผู้ดูแล, ครอบครัว
ติดต่อผู้นิพนธ์ : ศิรดา ฝ้ายขาว อีเมล : srd002513@gmail.com
Article Details
เอกสารอ้างอิง
เอกสารอ้าอิง
World Health Organization. World mental health report: Transforming mental health for All [Internet]. Geneva: WHO; 2022 [cited 2025 May 3]. Available from: https://www.who.int/publications/i/item/9789240049338
Fazel S, Gulati G, Linsell L, Geddes JR, Grann M. Schizophrenia and violence: Systematic Review and meta-analysis. PLoS Med. 2009; 6(8): e1000120.
กรมสุขภาพจิต. รายงานสถานการณ์สุขภาพจิตประเทศไทย ปี 2566. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข; 2566.
กรมสุขภาพจิต. แผนยุทธศาสตร์สุขภาพจิตแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (2566–2570). กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข; 2568.
กระทรวงสาธารณสุข. รายงานยุทธศาสตร์สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2568–2572. กรุงเทพฯ: สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์; 2568.
มยุรี ลัคนาศิโรรัตน์, และคณะ. การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยจิตเภทในชุมชน. วารสารพยาบาลศาสตร์. 2566; 41(1): 23–34.
Ahmad S, Khalid A, Batool S. Family support and relapse prevention among psychiatric Patients: A review. J Psychiatr Res. 2024; 168: 22–31.
แสงทอง เกศสุดา และลักขณาศิโรรัตน์ พิมพ์ใจ.การมีส่วนร่วมของครอบครัวในการดูแลผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชน: การศึกษากรณี. วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต. 2562; 33(2) 45–58.
Alene M, Worku A, Tadesse M, Kebede D. Adherence to antipsychotic treatment and Factors associated with non-adherence among schizophrenia patients in Ethiopia. Afr Health Sci. 2012; 12(3): 234–41.
Kamali M, Kelly L, Ghaemi SN, Baldessarini RJ, Hennen J, Rosenbaum JF. Child and Adolescent bipolar disorder: Review of the past 10 years. J Am Acad Child Adolesc Psychiatry. 2006; 45(8): 973–83.
กรมสุขภาพจิต. แนวทางการดูแลผู้ป่วยจิตเวชในชุมชน. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข; 2557.
Bandura A. Self-efficacy: The exercise of control. New York: Freeman; 1997.
Taylor SG, Ren penning KM. Self-care theory in nursing: Selected papers of Dorothea Orem. New York: Springer Publishing Company; 2011.
Birchwood M, Smith J, MacMillan F, Hogg B, Prasad R, Harvey C. Early intervention In schizophrenia: The critical period hypothesis. Br J Psychiatry. 2018; 172(53): 53–9.
สำนักการพยาบาล. แนวทางการให้คำปรึกษาสุขภาพ. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข; 2551.
Rovinelli RJ, Hambleton RK. On the use of content specialists in the assessment Of criterion-referenced test item validity. Tijdschr Onderwijs Res. 1977; 2(2): 49–60.
Polit DF, Beck CT. Nursing research: Generating and assessing evidence for nursingPractice. 11th ed. Philadelphia: Wolters Kluwer; 2021.
ชาลินี พูนเพิ่ม. การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยจิตเวชโดยการมีส่วนร่วมของครอบครัว. วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต. 2564; 35(2): 45-56
ยุพาภรณ์ พงศ์ศรี. การเตรียมครอบครัวก่อนจำหน่ายผู้ป่วยจิตเวช: แนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศ.วารสารการพยาบาลสุขภาพจิต. 2565; 36(2): 87–98
กรมสุขภาพจิต. คู่มือการดูแลผู้ป่วยจิตเวชในชุมชนสำหรับบุคลากรสาธารณสุข. กรุงเทพฯ:กระทรวงสาธารณสุข; 2564.
อรอนงค์ จิตต์แจ้ง. การเสริมพลังผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเวชในชุมชนเพื่อป้องกันอาการกำเริบ.วารสารสุขภาพจิตชุมชน. 2565; 10(1): 22–34.
Dixon L, Lucksted A, Medoff D, Burland J, Stewart B, Lehman A, et al. OutcomesOf the family-to-family education program for families of persons with seriousMental illness: A randomized trial. Psychiatr Serv. 2014; 65(7): 868–75.
ปิยาภรณ์ มานะกิจ. การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนบทบาทผู้ดูแลในชุมชน.วารสารพยาบาลชุมชน. 2563; 24(2): 45–57.
Thornicroft G, Mehta N, Clement S, Evans-Lacko S, Doherty M, Rose D, et al.Evidence for effective interventions to reduce mental-health-related stigmaAnd discrimination. Lancet. 2016; 387(10023): 1123–32.
Lakkanasirorat R, Wongpakaran N, Wongpakaran T, Suwanlert S. Community-Based relapse prevention model for schizophrenia: A family-focused approach.Asian J Psychiatry. 2023; 83: 103566.
ทองจันทร์ อุปจันทร์โท. การพัฒนาเครือข่ายสุขภาพจิตในชุมชนโดยใช้การมีส่วนร่วมของครอบครัว.วารสารพยาบาลศาสตร์. 2566; 41(3): 112–26.
หทัยกาญจน์ เสียงเพราะ. การดูแลผู้ป่วยจิตเวชโดยใช้ครอบครัวเป็นศูนย์กลาง.วารสารสุขภาพจิตชุมชน. 2564; 28(2): 59–72.
กนกรัตน์ ดานา. การส่งเสริมบทบาทของครอบครัวในการดูแลผู้ป่วยจิตเวช.วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ. 2564; 39(1): 98–109
ศรีประไพ อินทร์ชัยเทพ, และคณะ. ปัจจัยที่มีผลต่อการรับประทานยาของผู้ป่วยจิตเวช.วารสาร สุขภาพจิตแห่งประเทศไทย. 2566; 31(1): 35–48.
Knowles MS. The adult learner: A neglected species. 3rd ed. Houston, TX: Gulf Publishing; 1984.
Katon W, Unützer J, Wells K, Jones L. Collaborative depression care: History,Evolution and ways to enhance dissemination and sustainability. Gen HospPsychiatry. 2010; 32(5): 456–64.
Stuart GW. Principles and practice of psychiatric nursing. 10th ed. Mosby; 2013.