การพัฒนารูปแบบการจัดการความปลอดภัยทางถนน โดยกลไก คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
คำสำคัญ:
การจัดการความปลอดภัยทางถนน, คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ, การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงปฏิบัติการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนา ทดลองใช้ และประเมินผลรูปแบบการจัดการความปลอดภัยทางถนนที่มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงโดยกลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยกลุ่มขับเคลื่อนกลไก 52 คน และกลุ่มประเมินผลลัพธ์ 45 คน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามความรู้ พฤติกรรมการขับขี่ แบบประเมิน D-RTI PLUS การสัมภาษณ์เชิงลึก และการสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา การทดสอบที และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า ได้พัฒนา "รูปแบบ 4S MODEL" ประกอบด้วย S1-System Approach (การจัดการเชิงระบบ) S2-Stakeholder Collaboration (ความร่วมมือของภาคีเครือข่าย) S3-Stimulus Control (การควบคุมสิ่งกระตุ้นพฤติกรรมเสี่ยง) และ S4-Social Learning (การเรียนรู้ทางสังคม) โดยขับเคลื่อนผ่านวงจร PAOR (Plan-Action-Observation-Reflection) การทดลองใช้รูปแบบเป็นเวลา 3 เดือน ดำเนินกิจกรรมได้ร้อยละ 88.9 หลังการทดลอง กลุ่มตัวอย่างมีคะแนนความรู้เกี่ยวกับกฎจราจร (12.31) สูงกว่าก่อนทดลอง (8.42) และมีคะแนนพฤติกรรมการขับขี่ (29.22) สูงกว่าก่อนทดลอง (21.76) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการประเมิน D-RTI PLUS เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 51.4 เป็น 83.3 ซึ่งอยู่ในระดับดีเยี่ยม สถิติอุบัติเหตุลดลงร้อยละ 17.0 ผู้บาดเจ็บลดลงร้อยละ 19.6 และผู้เสียชีวิตลดลงร้อยละ 33.3 ปัจจัยแห่งความสำเร็จประกอบด้วย ภาวะผู้นำและการบริหารจัดการ การมีส่วนร่วมของชุมชนและภาคีเครือข่าย กระบวนการดำเนินงานที่เป็นระบบ และทรัพยากรสนับสนุนที่เพียงพอ
เอกสารอ้างอิง
กิตติพิมพานนท์, ก., & ไกรถาวร, ผ. (2016). ประสิทธิผลของรูปแบบการป้องกันการหกล้มที่ใช้ชุมชนเป็นฐานต่อสมรรถภาพทางกายและการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในชุมชนเมือง กรุงเทพมหานคร. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 36(1), 160–172.
ณัฐวุฒิ พิมพ์ทอง. (2559). การบริหารจัดการเชิงบูรณาการเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 13(2), 45–66.
ธรรมมา เจียรธราวานิช. (2559). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันอุบัติเหตุของผู้ใช้จักรยานในเขตกรุงเทพมหานคร (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ).
พชรดนัย วัชรธนพัฒน์ธาดา. (2562). การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการขับเคลื่อนตำบลสุขภาพ. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร, 2(3), 799–814.
บุญยืน ศรีสว่าง. (2561). การวิเคราะห์แนวโน้มและปัจจัยเสี่ยงของอุบัติเหตุทางถนนในอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 27(1), 83–94.
วรเวศม์ สุวรรณระดา. (2548). ความสูญเสียเนื่องจากอุบัติเหตุจราจรทางบกในประเทศไทย: วิเคราะห์ระดับความคุ้มค่าของงบประมาณถนนปลอดภัยและพฤติกรรมเสี่ยงผู้ขับขี่. ศูนย์ศึกษานโยบายเพื่อการพัฒนา คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สมร นุมผอง. (2561). การประเมินผลการดำเนินงานด่านชุมชนเพื่อลดอุบัติเหตุจราจรทางถนนในเขตสุขภาพที่ 9 (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช).
สถาบันพระปกเกล้า. (2548). การประเมินผลนโยบายการป้องกันอุบัติเหตุจราจร: บทสรุปสำหรับผู้บริหาร. นนทบุรี: สถาบันพระปกเกล้า.
สรศักดิ์ ตันทอง. (2560). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดอุบัติเหตุจราจรจากรถจักรยานยนต์ในนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 9 (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม).
อารุณรัตศ์ อรุณนุมาศ. (2562). การพัฒนารูปแบบการดำเนินงานป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนระดับอำเภอ: กรณีศึกษาอำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์).
อุดมกฤษฏิ์ ศรีนนท์. (2563). ถอดบทเรียนโครงการแก้ไขจุดเสี่ยงทางถนนในชุมชนโดยหน่วยจัดการร่วม ศูนย์เรียนรู้ สุขภาวะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.).
Bowdler, M., Steijn, W. M. P., & van der Beek, D. (2023). Effective components of behavioural interventions aiming to reduce injury within the workplace: A systematic review. Safety, 9(3), 46. https://doi.org/10.3390/safety9030046
Fisher, W. A., Fisher, J. D., & Harman, J. (2003). The Information‐Motivation‐Behavioral Skills model: A general social psychological approach to understanding and promoting health behavior. In J. Suls & K. A. Wallston (Eds.), Social psychological foundations of health and illness (pp. 82–106). Blackwell Publishing.
Geller, E. S. (2001). The psychology of safety handbook (2nd ed.). CRC Press. https://doi.org/10.1201/9781420032567
Kemmis, S., & McTaggart, R. (1988). The action research planner (3rd ed.). Deakin University Press.
Mahmoodabad, S., Zeidabadi, B., & Rajabalipour, M. (2023). An application of the Theory of Planned Behavior to predict the protective behaviors from urban traffic accidents. The Journal of Tolooebehdasht, 22(4). https://doi.org/10.18502/tbj.v22i4.14142
Prochaska, J. O., Redding, C. A., & Evers, K. E. (2008). The transtheoretical model and stages of change. In K. Glanz, B. K. Rimer, & K. Viswanath (Eds.), Health behavior and health education: Theory, research, and practice (4th ed., pp. 97–121). San Francisco, CA: Jossey-Bass.
Rongkavilit, C., Naar-King, S., Kaljee, L. M., Panthong, A., Koken, J. A., Bunupuradah, T., & Parsons, J. T. (2010). Applying the Information-Motivation-Behavioral Skills model in medication adherence among Thai youth living with HIV: A qualitative study. AIDS Patient Care and STDs, 24(12), 787–794. https://doi.org/10.1089/apc.2010.0069
U.S. Department of Transportation. (2025). National Roadway Safety Strategy: Update 2025. https://www.transportation.gov/NRSS
World Health Organization. (2018). Global status report on road safety 2018. https://www.who.int/publications/i/item/9789241565684
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.