การพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดมะเร็งลำไส้ที่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดแผลรูทะลุ (Enterocutaneous fistula) และมีการติดเชื้อในกระแสเลือด : กรณีศึกษา

ผู้แต่ง

  • ชฎาพร เขตนิมิตร พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต

คำสำคัญ:

มะเร็งลำไส้,, แผลรูทะลุ,, การติดเชื้อในกระแสเลือด

บทคัดย่อ

ภูมิหลัง: โรคมะเร็งลำไส้เป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุข โดยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในประชากรทั่วโลก การรักษาหลักของโรคนี้คือการผ่าตัด แต่ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด เช่น แผลรูทะลุ (Enterocutaneous fistula) และการติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) เป็นปัญหาที่ส่งผลต่อระยะเวลาพักรักษาตัวในโรงพยาบาลและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย การพยาบาลที่เหมาะสมมีบทบาทสำคัญในการลดภาวะแทรกซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูของผู้ป่วย

วัตถุประสงค์การวิจัย: (1) เพื่อศึกษาการพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ที่เกิดภาวะแทรกซ้อนแผลรูทะลุและการติดเชื้อในกระแสเลือด (2) เพื่อให้พยาบาลมีแนวทางในการวางแผนการดูแลผู้ป่วยผ่าตัดมะเร็งลำไส้อย่างมีประสิทธิภาพ (3) เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในการลดภาวะแทรกซ้อนและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

ระเบียบวิธีการวิจัย: การศึกษานี้เป็น กรณีศึกษาเชิงพรรณนา (Descriptive Case Study) โดยใช้กระบวนการพยาบาลเป็นแนวทางในการดูแลผู้ป่วย คัดเลือกผู้ป่วยจำนวน 2 ราย ที่ได้รับการผ่าตัดมะเร็งลำไส้และเกิดภาวะแทรกซ้อน โดยเก็บข้อมูลจากเวชระเบียน การสัมภาษณ์ และการสังเกตการพยาบาล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้แนวทางวิเคราะห์เชิงเนื้อหาเพื่อระบุปัญหาการพยาบาล ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล และแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม

ผลการวิจัย: ผู้ป่วยรายที่ 1 เป็นผู้ป่วยชายอายุ 48 ปี ที่ได้รับการผ่าตัดปิดทวารเทียมและเกิดภาวะแผลรูทะลุหลังผ่าตัด มีการติดเชื้อในช่องท้อง ส่งผลให้ต้องได้รับการเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนเป็นเวลานาน รวมระยะเวลานอนโรงพยาบาล 117 วัน ผู้ป่วยรายที่ 2 เป็นผู้ป่วยชายอายุ 60 ปี ที่ได้รับการผ่าตัด Sigmoidectomy with end colostomy และเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ต้องได้รับการเฝ้าระวังและการรักษาภาวะช็อกจากการติดเชื้อ (Septic Shock) รวมระยะเวลานอนโรงพยาบาล 13 วัน แนวทางการพยาบาลที่สำคัญ ได้แก่ การดูแลแผลรูทะลุโดยใช้เทคนิค Negative Pressure Wound Therapy (NPWT) การบริหารยาปฏิชีวนะ การเฝ้าระวังภาวะโภชนาการและภาวะขาดสารน้ำ รวมถึงการให้การสนับสนุนด้านจิตใจแก่ผู้ป่วยและครอบครัว

สรุปผล: ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า การพยาบาลที่เป็นระบบและอิงหลักฐานเชิงประจักษ์ สามารถช่วยลดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดมะเร็งลำไส้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการจัดการแผลรูทะลุและการป้องกันภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด นอกจากนี้ การประสานงานกับทีมสหวิชาชีพและการให้ความรู้แก่ญาติผู้ป่วย มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองต่อเนื่องหลังจำหน่ายได้ดีขึ้น

References

จุฬาพร ประสังสิต, กาญจนา รุ่งแสงจันทร์. การพยาบาลผู้ป่วยที่มีลำไส้เปิดทางหน้าท้อง : ประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ. งานพัฒนาคุณภาพการพยาบาล ฝ่ายการพยาบาลโรงพยาบาลศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลับมหิดล. กรุงเทพ : บริษัท พี.เอ.ลีฟวิ่ง จำกัด ; 2558

เนตรญา วิโรจวานิช. ประสิทธิผลการใช้แนวปฏิบัติทางการพยาบาลการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดในหน่วยงานอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 2561:12 (1); 84-94

บุญชื่น อิ่มมาก. บทบาทของ ET Nurse. ใน ไพบูลย์ จิวะไพศาลพงศ์ (บรรณาธิการ), ทวารเทียม หรือทวารใหม่: Colostomy / ileostomy กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์กรุงเทพเวชสาร; 2555 ; 30-48

ประไพพรรณ ฉายรัตน์ และสุพัฒศิริ ทศพรพิทักษ์กุล.ประสิทธิผลของรูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสโลหิต. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 2560 ; 35 (3) ; 224-231

ไพบูลย์ จิวะไพศาลพงศ์. (บรรณาธิการ). ความรู้ทั่วไปทวารเทียมหรือทวารใหม่ : Colostomy / Ileostomy.กรุงเทพมหานคร : กรุงเทพเวชสาร . 2555; 4-29

Downloads

เผยแพร่แล้ว

31-12-2022

How to Cite

เขตนิมิตร ช. . (2022). การพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดมะเร็งลำไส้ที่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดแผลรูทะลุ (Enterocutaneous fistula) และมีการติดเชื้อในกระแสเลือด : กรณีศึกษา. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและสาธารณสุข วชิระภูเก็ต, 2(3), 11–22. สืบค้น จาก https://he03.tci-thaijo.org/index.php/VCHPK/article/view/4018