อัตราและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
คำสำคัญ:
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019,, บุคลากรทางการแพทย์บทคัดย่อ
ภูมิหลัง: การที่บุคลากรทางการแพทย์สัมผัสกับไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ถือเป็นปัญหาที่น่ากังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากทำให้บุคลากรมีความเสี่ยง ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนบุคลากร และบริการทางการแพทย์ต้องแบกรับภาระหนักขึ้น นอกจากนี้ พนักงานที่ติดเชื้ออาจแพร่เชื้อได้ ส่งผลให้เพื่อนร่วมงานและผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงในสถานพยาบาลตกอยู่ในอันตราย
วัตถุประสงค์การวิจัย: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) อัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และอาการทางคลินิกในบุคลากรทางการแพทย์ 2) ปัจจัยส่วนบุคคลและพฤติกรรมการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 3) ความ สัมพันธ์ของปัจจัยส่วนบุคคลและพฤติกรรมการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และ 4) เปรียบเทียบอัตราและปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วย COVID-19 กับกลุ่มที่ไม่ได้ดูแลผู้ป่วย COVID-19
ระเบียบวิธีการวิจัย: รูปแบบการวิจัย เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาแบบย้อนหลัง โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นบุคลากรที่ทำงานในโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตที่เป็นผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากผลการตรวจยืนยันด้วยวิธี RT-PCR ตั้งแต่เดือนเมษายน – ธันวาคม 2564 จำนวน 82 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการทบทวนเอกสารแบบสอบสวนโรคกรณีบุคลากรทางการแพทย์และการสาธารณสุขของกรมควบคุมโรค วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้สถิติ Chi-square test เปรียบเทียบข้อมูลที่ค่า p-value <0.05
ผลการวิจัย: อัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในบุคลากรทางการแพทย์ไม่มีความแตกต่างกันทั้งในบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแล้ผู้ป่วยและไม่ได้ดูแลผู้ป่วย COVID-19 กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 82 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (70.7%) มีอายุเฉลี่ย 36.17 ปี เป็นผู้ช่วยเหลือคนไข้ (30.3%) แผนกงานอื่นๆ (37.8%) ส่วนใหญ่มีอาการน้อย (86.6%) โดยอาการแสดงมีน้ำมูก (59.8%) ภาพรังสีทรวงอกปกติ (96.8%) เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสนาม/โรงพยาบาลเฉพาะกิจ (86.6%) ได้รับยาต้านไวรัส (Favipiravior) (79.3%) เคยได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา 2019 แล้ว (97.6%) โดยได้รับจำนวน 3 เข็ม (75.6%) ความเสี่ยงที่ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 คือ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาด (100.0%) มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันภายนอกโรงพยาบาล (41.5%) ปัจจัยส่วนบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้แก่ ปัจจัยด้านประเภทงาน และด้านแผนกที่ทำงาน มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ <0.05 ส่วนประวัติเสี่ยงเฉพาะของบุคลากรทางการแพทย์จำแนกตามกลุ่มบุคลากรที่ดูแลผู้ป่วยและไม่ดูแลผู้ป่วย COVID-19 พบว่า ด้านการเคยเข้ารับการฝึกอบรมการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล , ด้านการมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ,ด้านการสัมผัสกับอุปกรณ์หรือสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ป่วย และด้านการสัมผัสเพื่อนร่วมงานซึ่งทำงานเกี่ยวข้องกับผู้ป่วย โดยไม่ได้สวมอุปกรณ์ป้องกันตนเอง ทั้งสองกลุ่มมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ <0.05
สรุป: บุคลากรทางการแพทย์มีโอกาสเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ดังนั้นจึงควรตระหนักในการป้องกันตนเอง และทางโรงพยาบาลควรมีการทบทวนมาตรการหรือแนวทางการควบคุมและป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างสม่ำเสมอ
References
World Health Organization. Coronavirus disease 2019 (COVID-19) situation reports [Internet]. 2022 [cited 7 Mar 2022). Available from: https://www.who.int/emergencies /diseases/ novel-coronavirus-2019/situation-reports.
Munster VJ, Koopmans M, van Doremalen N, van Riel D, de Wit E. A Novel Coronavirus Emerging in China - Key Questions for Impact Assessment. N Engl J Med. 2020,382(8):692-4.
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2563 [อินเตอร์เน็ต]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 2565 ม.ค.22]. เข้าถึงได้จาก: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/ DATA/PDF/2563/E/048/T_0001.PDF
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ระลอกใหม่ เมษายน ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 31 ธันวาคม 2564. [อินเตอร์เน็ต]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 2565 ม.ค. 22]. เข้าถึงได้จาก: https://media.thaigov.go.th/uploads/public_img/source/311264.pdf
WHO, Thailand. โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) รายงานสถานการณ์โดยองค์การอนามัย โลก (WHO) ประเทศไทย [อินเตอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 2563 พ.ค. 21]. เข้าถึงได้จาก: https://www.who.int/docs/default-source/searo/thailand/2020-04-15-tha-sitrep-53-covid19-th-final.pdf?sfvrsn=50c6afb2_0w
Fwoloshi S, Hines JZ, Barradas DT, Yingst S, Siwingwa M, Chirwa B, et.al. Prevalence of Severe Acute Respiratory Syndrome Coronavirus 2 (SARS-CoV-2) among Health Care Workers—Zambia, July 2020. Clinical Infectious Diseases 2021; ciab273, https://doi.org /10.1093/cid/ciab273
หฤทัย เกียรติพรพานิช. อนามัยโลกแจงแนวทางปกป้อง 'บุคลากรทางการแพทย์' จาก ‘COVID-19’ [อินเตอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 2563 พค 22]. เข้าถึงได้จาก: https://www.hfocus.org/content/2020/04/18949
WHO. Prevention, identification and management of health worker infection in the context of COVID-19 [Internet]. 2020 [cited 2021 May 3]. Available from: https://www.who.int/emergencies/diseases/novel-coronavirus-2019/technical-guidancepublications?publicationtypes=d198f134-5eed-400d-922e-1ac06462e676
สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน). สถานการณ์โรคโควิด-19 ในบุคคลากรทาง การแพทย์และสาธารณสุข [อินเตอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 2563 พ.ค. 4]. เข้าถึงได้จาก: https://www.hfocus.org/content/2020/04/19158
World Health Organization. Report of the WHO-China Joint Mission on Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) [Internet]. 2022. [cited 13 Mar 2022]. Available from: https://www.who.int/docs/default-source/coronaviruse/who-china-joint-mission-on-covid-19-final-report.pdf.
Nguyen LH, Drew DA, Graham MS, et al. Risk of COVID-19 among front-line health-care workers and the general community: a prospective cohort study. Lancet Public Health. 2020;5 (9) : e475-83.
รุจิภาส สิริจตุภัทร. โควิด-19 ในบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศไทย. [อินเตอร์เน็ต]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 2565 ม.ค 22]. เข้าถึงได้จาก: https://www.hsri.or.th/research/detail/13755.
Huang C, Wang Y, Li X, et al. Clinical features of patients infected with 2019 novel coronavirus in Wuhan, China. Lancet. 2020,395(10223):497-506.
COVID-19 Treatment Guidelines Panel. Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) Treatment Guidelines. National Institutes of Health. 2021 [cited 1 Oct 2021]. Available from: https://www.covid19treatmentguidelines.nih.gov/.
Yan ZP, Yang M, Lai CL. COVID-19 Vaccines: A Review of the Safety and Efficacy of Current Clinical Trials. Pharmaceuticals (Basel). 2021,14(5):406.
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. หลัก D-M-H-T-T. ที่มา: https://ddc.moph.go.th/brc/ news.php?news=16434&deptcode=brc.
สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน). นโยบายความปลอดภัยบุคคลากรสาธารณสุข สู้ภัยโควิด19 [อินเตอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 2563 พ.ค. 4]. เข้าถึงได้จาก: https://www.hfocus.org/content/2020/04/19122
WHO. Standard precautions in health care [Internet]. 2007 [cited 2020 Jun. 14]. Available from:https://www.who.int/docs/default-source/documents/healthtopics/standard-precautions-in-health-care.pdf?sfvrsn=7c453df0_2%20%20http
สลีลา วิวัฒนิวงศ์. การศึกษาเชิงพรรณนาสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลทั่วไปแห่งหนึ่งในภาคกลาง. วารสารวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ . 2565; 2(3): 9-19
Sabetian, G., Moghadami, M., Hashemizadeh, F., Haghighi, L., Shahriarirad, R., Fallahi, M.J., Asmarian, N., et al. COVID-19 infection among healthcare workers: a cross-sectional study in southwest Iran. Virology Journal. 2021;18(1):58.
UK Health Security Agency. SARS-CoV-2 variants of concern and variants under investigation in England Technical briefing: [Internet]. 2022 [cited 20 Sep 2022). [Available ที่มา: https://assets.publishing.service.gov.uk/government/uploads/system/uploads/attachment_data/file/1046853/technical-briefing-34-14-january-2022.pdf
จุฑาวรรณ ใจแสน. พฤติกรรมการป้องกันโรค COVID-19 ของพนักงานสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ [Internet]. 2022 [cited 20 Sep 2022). [Available from: https://mmm.ru.ac.th/MMM/IS/sat16/6114060102.pdf
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.