ปัญหาการใช้ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสมุนไพรของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ในเขตอำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods)มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสาเหตุของปัญหาด้านยา และพฤติกรรมการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสมุนไพร รวมถึงปัญหาการเกิดยาเหลือใช้ของผู้ป่วยเบาหวาน ชนิดที่ 2 ที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ที่อาศัยอยู่ในตำบลบัวหุ่ง และตำบลหนองอึ่ง อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ระหว่างออกเยี่ยมบ้านด้านยาโดยเภสัชกร เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบบันทึกข้อมูลการเยี่ยมบ้านตามแนวทาง INHOMESSS และแบบสอบถามในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่2 ที่มีระดับ HbA1C≥7% จำนวน 30 ราย ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2564 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุเฉลี่ย 58.43±12.70 ปี มีระดับ HbA1C เฉลี่ย 9.76±1.72 พบปัญหาการใช้ยาด้านความไม่ร่วมมือในการใช้ยามากที่สุด ซึ่งมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากตัวผู้ป่วยเอง ผู้ป่วยมียารักษาโรคประจำตัวเหลือใช้ ร้อยละ 83.3 ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการรับประทานยาไม่ถูกต้องตามแพทย์สั่ง ลืมรับประทานยา ปรับขนาดยาหรือหยุดรับประทานยาเอง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีความรู้และทักษะในการใช้ปากกาฉีดอินซูลินระดับปานกลางและมีความรู้เกี่ยวกับยารักษาโรคเบาหวานระดับปานกลาง พบผู้ป่วยกำลังใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ร้อยละ 13.3 และสมุนไพร ร้อยละ 20.0 ผู้ป่วยทั้งหมดไม่ได้ปรึกษาหรือแจ้งแพทย์ที่ให้การรักษาก่อนหรือระหว่างบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือสมุนไพร ผู้ป่วยที่ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ร้อยละ 40.0 และผู้ป่วยที่ใช้สมุนไพร ร้อยละ 83.3 เชื่อว่าทำให้ควบคุมโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ได้ และผู้ป่วยที่ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารร้อยละ 20.0 เชื่อว่ารักษาโรคประจำตัวที่เป็นให้หายขาดได้ พบผู้ป่วยรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือสมุนไพรที่อาจมีผลต่อโรค ร้อยละ 16.7 การเยี่ยมบ้านด้านยาโดยเภสัชกรทำให้ค้นหาปัญหาเชิงลึกของผู้ป่วยได้และเข้าใจปัญหาที่แท้จริง อันจะนำมาซึ่งการจัดการปัญหาด้านยาที่มีประสิทธิภาพ
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูล (เขียนข้อกำหนด)
References
ชัชฎาภรณ์ กมขุนทด. (2554). ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการรับประทานยาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2.
(วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาการพยาบาล เวชปฏิบัติชุมชน). บัณฑิตวิทยาลัย.
มหาวิทยาลัยมหิดล.
ชื่นฤทัย กาญจนะจิตรา, ชาย โพธิสิตา, กฤตยา อาชวนิจกุล, เฉลิมพล แจ่มจันทร์, กุลวีณ์ ศิริรัตน์มงคล, & ปาณฉัตร ทิพย์สุข.
สุขภาพคนไทย. (2554). กรุงเทพฯ: บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง. สถาบันวิจัยประชากรและสังคม
มหาวิทยาลัยมหิดล.
ธนพงศ์ ภูผาลี, ชิดชนก คูณสวัสดิ์, ธนิตา ภูราชพล, & ธารินี ศรีศักดิ์นอก. (2561). คำอธิบายถึงการมียาเหลือใช้และ
พฤติกรรมในการจัดการยาเหลือใช้ของผู้ป่วยโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง: กรณีศึกษาในชุมชนแห่งหนึ่ง
ของจังหวัดอุบลราชธานี. วารสารเภสัชกรรมไทย, 10 (1), 3–13.
นรินทรา นุตาดี, & กฤษณี สระมุณี. (2559). การประเมินผลการเยี่ยมบ้านโดยทีมสหวิชาชีพที่มีเภสัชกรร่วมทีมเพื่อจัดการ
ปัญหาการใช้ยา ในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงของโรงพยาบาลน้าพองจังหวัดขอนแก่น. วารสารเภสัชกรรม
ไทย, 8 (1), 206-215.
นริศา คำแก่น. (2547). ปฏิกิริยาระหว่างยาและสมุนไพร. ศรีนครินทรวิโรฒเภสัชสาร, 9 (1), 93–104.
บุญรักษ์ ฉัตรรัตนกุลชัย. (2562). การบริบาลทางเภสัชกรรมผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่บ้านโดยเภสัชกรครอบครัวเครือข่าย
บริการสุขภาพ อำเภอเก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์. สวรรค์ประชารักษ์เวชสาร, 16 (3), 87-95.
ประทุม สุภชัยพานิชพงศ์. (2557). ความรู้และความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ยาของผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่รับประทานยาตาม
คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง. วารสารอิเล็กทรอนิกส์ Veridian มหาวิทยาลัยศิลปากร (มนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์และ
ศิลปะ), 1 (1), 1-12.
ประไพพิมพ์ สุธีวสินนนท์, & ประสพชัย พสุนนท์. (2559. กลยุทธ์การเลือกตัวอย่างสำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพ
(Sampling Strategies for Qualitative Research). วารสารปาริชาต มหาวิทยาลัยทักษิณ, 29 (2), 31–45.
ปริญา ถมอุดทา, ชมพูนุท พัฒนจักร, อดิศักดิ์ ถมอุดทา, สุกัญญา คำผา, ศุภิญญา ภูมิวณิชกิจ, & ปภัสรินทร์ จีรอำพรวัฒน์.
(2560). ผลของการบริบาลเภสัชกรรมผู้ป่วยต่อเนื่องในชุมชนโดยการออกเยี่ยมบ้านในเครือข่ายบริการสุขภาพ
อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม. ศรีนครินทร์เวชสาร, 32 (3), 229-235.
พชรณัฐฏ์ ชยณัฐพงศ์. (2560). ปัญหาด้านยาในผู้ป่วยโรคเรื้อรังระหว่างการเยี่ยมบ้านโดยเภสัชกรในทีมหมอครอบครัวของ
เครือข่ายสุขภาพพรหมคีรี. วารสารเภสัชกรรมไทย, 9 (1), 104-110.
พวงผกา คงวัฒนานนท์. (2556). การใช้วิธีวิจัยแบบผสมผสานวิธีเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของงานวิจัยทางสุขภาพ.
วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 21 (7), 648–57.
ภวัคร ชัยมั่น. (2552). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ในอำเภอคูเมือง
จังหวัดบุรีรัมย์. (วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาการพยาบาลเวชปฏิบัติครอบครัว).
บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหิดล. มหาวิทยาลัยมหิดล.
มลฤดี มณีรัตน์, อรอนงค วลีขจรเลิศ, & ภาณุมาศ ภูมาศ, พงษศักดิ์ สง่าศรี. (2553). ผลของการเยี่ยมบ้านโดยนิสิต
เภสัชศาสตร์ตอความรู้ความร่วมมือในการใช้ยาและปญหายาขยะในครัวเรือน. วารสารเภสัชกรรมไทย, 2 (1), 1-11.
ศิณาพรรณ หอมรส. (2563) ปัจจัยที่ส่งผลต่อความร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มารับบริการ
โรงพยาบาลบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก. วารสารความปลอดภัยและสุขภาพ, 13 (1), 82–92.
สถาบันวิจัยและประเมินเทคโนโลยีทางการแพทย์. (2553). แนวทางเวชปฏิบัติการป้องกันดูแลรักษาภาวะแทรกซ้อนจาก
โรคเบาหวาน (ตาไต เท้า). นนทบุรี : สถาบันวิจัยและประเมินเทคโนโลยีทางการแพทย์.
สมทรง ราชนิยม, & กฤษณี สระมุณี. (2559). การจัดการปัญหาการใช้ยาของผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่บ้านโดยเภสัชกรครอบครัวใน
เครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอกระนวน. วารสารเภสัชกรรมไทย. 8 (1), 171-181.
อภิชาติ จิตต์ซื่อ, พนารัตน์ แสงแจ่ม, เจริญ ตรีศักดิ์, ทิติยา หาญเลิศฤทธิ์. (2559). การประเมินความรู้ และทักษะของผู้ป่วย
ก่อน-หลังได้รับคำปรึกษาวิธีใช้ปากกาฉีด ยาอินซูลิน ณ โรงพยาบาลศูนย์วชิระภูเก็ต. สงขลานครินทร์เวชสาร, 34 (1),
–37.
Euromonitor International.Vitamins and Dietary Supplements in Thailand. (2564). สืบค้นเมื่อ 7 กรกฎาคม
; จาก https://www.euromonitor.com/dietary-supplements-in-thailand/report.
Hepler CD, Strand LM. (1990). Opportunities and responsibilities in pharmaceutical care. Am J Hosp
Pharm, 47, 533–43.
Yamauchi K. (2009). Analysis of issues of insulin self-injection in elderly. Nihon Ronen Igakkai Zasshi, 46,
-40.