การพยาบาลและจัดการผู้ป่วยติดเชื้อ Acinetobacter baumannii ดื้อต้านจุลชีพ หลายชนิดในผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ : กรณีศึกษาเปรียบเทียบ ๒ ราย
Main Article Content
บทคัดย่อ
การติดเชื้อ Acinetobacter baumannii ดื้อยาต้านจุลชีพหลายชนิด (Multidrug-Resistant Acinetobacter baumannii: MDR-AB) เป็นภาวะที่พบในผู้ป่วยที่มีภาวะเจ็บป่วยรุนแรงมักเกิดขึ้นในหอผู้ป่วยหนัก โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจเป็นระยะเวลานาน ซึ่งเชื้อดังกล่าวมีความสามารถในการดื้อยาหลายชนิด เช่น Carbapenems, Aminoglycosides และ Fluoroquinolones ร่วมกับมีอาการแสดงของการติดเชื้อ เช่น ไข้สูง หายใจลำบาก อิ่มตัวของออกซิเจนต่ำ เสมหะเปลี่ยนสี ซึ่งอาจมีอันตรายจากภาวะแทรกซ้อนที่มากขึ้น และสามารถทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ การติดเชื้อในกระแสเลือด ภาวะไตวายเฉียบพลัน หรืออาจถึงขั้นผู้ป่วยเสียชีวิตได้ การศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อ Acinetobacter baumannii ดื้อยาต้านจุลชีพหลายชนิด จำนวน 2 ราย เป็นการศึกษาเพื่อเปรียบเทียบการพยาบาลและการจัดการผู้ป่วยในบริบทของโรงพยาบาลกันทรลักษ์ ที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยหนักและได้รับการใส่เครื่องช่วยหายใจจำนวน 2 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วยแบบบันทึกข้อมูล รวบรวมข้อมูลจากเวชระเบียนผู้ป่วย การสัมภาษณ์ญาติ และการสังเกต การวิเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์เปรียบเทียบปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อน พยาธิสภาพ อาการและอาการแสดง การรักษา ปัญหาและข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล การวางแผนการจำหน่าย และการดูแลเชิงเนื้อหา
สรุปกรณีศึกษา กรณีที่ 1: ชายอายุ 28 ปี มีประวัติการดื่มสุราและสูบบุหรี่ มีภาวะ Sepsis และ Scrub Typhus ร่วมกับการติดเชื้อ Acinetobacter baumannii (MDR) และ Stenotrophomonas maltophilia ได้รับการใส่เครื่องช่วยหายใจตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับการรักษา การรักษาประกอบด้วยการใช้ยาเฉพาะทางหลายชนิด เช่น Colistin และ Levofloxacin ผลการรักษาดีขึ้น และผู้ป่วยกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย กรณีที่ 2: ชายอายุ 12 ปี มีภาวะ Septic Arthritis ของข้อเข่าขวา และ Sepsis ตรวจพบเชื้อ MDR-AB ได้รับการรักษาใน ICU ด้วยการเจาะน้ำไขข้อ ใช้เครื่องช่วยหายใจ 3 วัน รักษาด้วย Ceftriaxone และยาปรับสูตรตาม MIC ได้ผลดีและควบคุมภาวะแทรกซ้อนได้
ผลการศึกษา การติดเชื้อ MDR-AB ในผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจมีลักษณะแตกต่างกันตามบริบทและปัจจัยพื้นฐานของผู้ป่วย รายแรกมีปัจจัยเสี่ยงจากพฤติกรรมส่วนบุคคลและโรคประจำตัว รายที่สองไม่มีโรคประจำตัวแต่ติดเชื้อแทรกซ้อนจากบาดแผล การรักษาที่สอดคล้องกับแนวทาง IC อย่างเข้มงวด การเฝ้าระวังและการสื่อสารในทีมสหวิชาชีพมีส่วนสำคัญต่อผลลัพธ์ทางคลินิก
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูล (เขียนข้อกำหนด)
เอกสารอ้างอิง
นลินี แข็งสาริกิจ. (2562). Pressure Injury. https://www. crhospital.org/web_nurse/แผลกดทับสอน% 202562%20rm.pdf.
วาสนา กลิ่นชื่น และ นพเก้า ชนะภัย. (2561). การดูแลแผลกดทับเบื้องต้น. คลินิกออสโตมีและแผล
ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล. https://www. dop.go.th/download/knowledge/th1614841298-562.o.pdf.
วิจิตรา กุสุมภ์, ธนันดา ตระการวณิชย์, ภัสพร ขำวิชา, ไพบูลย์ โชตินพรัตน์ภัทร, สุนันทา ครองยุทธ, รัตนา จารุวรรโณ, อรุณี เฮงยศมาก, ธัญญลักษณ์ วจนะวิศิษฐ, และอภิญญา กุลทะเล. (2560). การพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤต: แบบองค์รวม (พิมพ์ครั้งที่ 6). ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคล สหประชาพาณิชย์.
สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย และ อภิชาต วชิรพันธ์. (2563). แนวปฏิบัติเพื่อป้องกันและควบคุมการติดเชื้อใน โรงพยาบาล. สำนักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์.
อะเคื้อ อุณหเลขกะ. (2561). แนวทางการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล Guide to Infection Prevention and Control in Hospital (พิมพ์ครั้งที่ 2). บริษัท มิ่งเมืองนวรัตน์ จำกัด (โรงพิมพ์มิ่งเมือง).
อะเคื้อ อุณหเลขกะ. (2565). แนวทางการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาล Guideline for https://www.trathospital.go.th Trat Hospital Publication วันที่เผยแพร่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 Prevention of Multidrug-Resistant Organisms Transmission in Hospitals (พิมพ์ครั้งที่ 5). บริษัท อินเนอร์การ์ด (ไทยแลนด์) จำกัด (สำนักงานใหญ่).