การพยาบาลผู้ป่วยพิษสุราเรื้อรังที่มีภาวะปอดติดเชื้อร่วมกับมีภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน กรณีศึกษาเปรียบเทียบ 2 ราย
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ เป็นการศึกษาเปรียบเทียบการพยาบาลผู้ป่วยพิษสุราเรื้อรังที่มีภาวะปอดติดเชื้อร่วมกับมีภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลันจำนวน 2 ราย ที่เข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยในโรงพยาบาลศิลาลาด ในช่วงเวลาระหว่างสิงหาคม 2567 –กันยายน 2567 ศึกษาด้วยการประเมินภาวะสุขภาพตามแบบแผนของกอร์ดอน การใช้กระบวนการพยาบาล 5 ขั้นตอน และทฤษฎี ทางการพยาบาลที่เกี่ยวข้อง ผลจากกรณีศึกษาเปรียบเทียบทั้ง 2 รายราย กรณีศึกษารายที่ 1 ชายไทย อายุ 48 ปี มาด้วยอาการชักเกร็งตาค้าง คลื่นไส้อาเจียน หลังหยุดดื่มสุรา 3 วัน ก่อนมาโรงพยาบาล ประวัติดื่มสุราทุกวัน ปฏิเสธโรคประจำตัว กรณีศึกษารายที่ 2 ชายไทย อายุ 71 ปี มาด้วยอาการ ไข้สูง สับสน ปัสสาวะราด หลังหยุดดื่มสุรามา 3 วัน ประวัติดื่มสุราทุกวัน ปฏิเสธโรคประจำตัว โดยกรณีศึกษาทั้ง 2 ราย พบว่ามีภาวะติดสุราและมีอาการมีภาวะถอนพิษสุรารุนแรง (alcohol withdrawal) มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (sepsis)ร่วมกับมีภาวะปอดอักเสบจากการสูดสำลัก(Aspiration Pneumonia) และมีระบบทางเดินหายใจล้มเหลวเฉียบพลันผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาพยาบาลอาการถอนพิษสุราตามมาตรฐานการพยาบาล ประกอบด้วย การประเมินปัญหาและความต้องการ (ระยะแรกรับ/ระยะวิกฤต ระยะต่อเนื่อง ระยะวางแผนจำหน่าย) การวินิจฉัยทางการพยาบาล การวางแผนการพยาบาล การประเมินผลการปฏิบัติการพยาบาลการวางแผนจำหน่ายและการดูแลต่อเนื่อง และวางแผนการดูแลร่วมกันในทุกระยะของอาการเจ็บป่วย ได้รับการช่วยชีวิตโดยการใส่ท่อช่วยหายใจ ส่งไปรับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ ความแตกต่างในเรื่อง อายุ และภาวะสุขภาพ ภาวะแทรกซ้อนของโรคทำให้ระดับความรุนแรงของโรคแตกต่างกัน โดยกรณีรายที่ 1 ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีสะเกษและจำหน่ายกลับบ้านมีแนวโน้มเป็นผู้ป่วยติดเตียง ส่วนกรณีศึกษารายที่ 2 ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีสะเกษจำหน่ายโดยผู้ป่วยเสียชีวิตในโรงพยาบาล ผู้ศึกษาได้มีการติดตามผู้ป่วยหลังจำหน่ายจากโรงพยาบาลศิลาลาดประสานทีมสหวิชาชีพในการให้คำแนะนำและให้กำลังใจครอบครัวของหลังจำหน่าย
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูล (เขียนข้อกำหนด)
เอกสารอ้างอิง
จันจิรา กุยแก้ว. (2565). การพยาบาลผู้ป่วยปอดอักเสบที่มีการติดเชื้อในกระแสเลือด:กรณีศึกษา.วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อมและ
สุขภาพ, 4 (2), 22-29.
ฉวีวรรณ พึ่งพันธุ์. (2565). การพยาบาลผู้ป่วยโรคปอดอักเสบรุนแรงที่มีภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน: กรณีศึกษา 2 ราย. วารสาร
สุขภาพและสิ่งแวดล้อมศึกษา, 7 (1), 19-28.
พันธุ์นภา กิตติรัตนไพบูลย์, บรรณาธิการ. คู่มือสำหรับผู้อบรมการดูแลผู้มีปัญหาการดื่มสุราเบื้องต้นสำหรับบุคลากรสุขภาพ. (ฉบับ
ปรับปรุง 2554). เชียงใหม่ : แผนงานการพัฒนาระบบการดูแลผู้มีปัญหาการดื่มสุรา, 2555.
รายงานสถิติข้อมูล. (2567). โรงพยาบาลศิลาลาด อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ. (HIMPRO)
วิจิตรา กุสุมภ์. (2556). การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤติ:แบบองค์รวม. พิมพ์ครั้งที่5. กรุงเทพฯ. สหประชาพานิชย์. 84-168
วิภา เสนารักษ์. (2546). การวินิจฉัยการพยาบาล. พิมพ์ครั้งที่ 7. ขอนแก่นการพิมพ์.
ศูนยวิจัยปญหาสุรา. (2565). แบบแผนและแนวโนมพฤติกรรมการดื่มสุราของประชากรไทย. คณะแพทยศาสตรมหาวิทยาลัย
สงขลานครินทร์หาดใหญ.
สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. (๒๕๖๖). สถิติผู้ป่วยสุรา
ปีงบประมาณ ๒๕๖๒ - ๒๕๖๖. http://www.pmnidat.go.th/thai/index.php?option=com_content&task=category§io
nid=2&id=9&Itemid=53
สุวรรณา อรุณพงศ์ไพศาล. (2553).การป้องกันและรักษาภาวะถอนพิษสุรา. พิมพ์ครั้งที่4 เชียงใหม่: แผนงานการพัฒนาระบบรูปแบบและ
วิธีการบำบัดรักษาผู้มีปัญหาการบริโภคสุราแบบบูรณาการ (ผรส.)
สาวิตรี อัษณางค์กรชัย. กลุ่มภาวะถอนพิษแอลกอฮอล์. จาก http://www.ramamental.com/gp/gp18.PDF. สืบค้นเมื่อสิงหาคม 2567.
อังกูร ภัทรากร, ธญรช ทิพยวงษ์, อภิชาต เรณูวัฒนานนท์, พัชรี รัตนแสง และวิมล ลักขณาภิชนชัช. (บ.ก.). (๒๕๕๙).
แนวปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยภาวะขาดสุราสำหรับทีมสหวิชาชีพ (ครั้งที่๒). โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อุดมศักดิ์ แซ่โง้ว, พลเทพ วิจิตรคุณากร, และสาวิตรี อัษณางค์กรชัย. (2559). ข้อเท็จจริงและตัวเลข: เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใน
ประเทศไทย. ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา.
Gordon, M. (1994). Nursing diagnosis: Process and application (3rd ed.). St. Louis: Mosby NANDA International.(2017).
Nursing Diagnosis Definitions and Classification 2015-2017.(3 th ed.)Oxford: Wiley Blackwell.
Orem, D. E. (2001). Nursing: Concepts and Practice (6th ed.). St. Louis, MO: Mosby WHO.