การพยาบาลผู้คลอดที่มีภาวะความดันโลหิตสูงเนื่องจากการตั้งครรภ์ : กรณีศึกษา เปรียบเทียบ 2 ราย โรงพยาบาลยางชุมน้อย Nursing Care for Mother with Pregnancy Induced Hypertension: Two case studies,Yang Chum Noi Hospital

Main Article Content

สร้อยทิพย์ บุษบงก์, พย.บ.

บทคัดย่อ

           ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยและเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิดและทุพพลภาพของหญิงตั้งครรภ์ และทารกภาวะความดันโลหิตสูง ขณะตั้งครรภ์มีโอกาสเสี่ยง ที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น ชักเกิดภาวะโรคหลอดเลือดสมองอย่างฉับพลัน ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด ภาวะผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด เลือดออกในสมอง ตับวาย ไตวาย และกลุ่มอาการ HELLP นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในทารก เช่น การตายคลอด การบาดเจ็บและการเสียชีวิตแรกคลอด ซึ่งส่งผลต่อระบบสาธารณสุขเนื่องจากต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายเพื่อดูแลผู้รับบริการกลุ่มนี้เป็นจำนวนมาก พยาบาลจึงต้องใช้ความรู้ ทักษะและความชำนาญในการประเมินอาการ ซึ่งจะนำไปสู่การวินิจฉัย วางแผนปฏิบัติการพยาบาลอย่างครบถ้วน เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนและแก้ไขอาการเปลี่ยนแปลง  ส่งผลให้มารดาและทารกมีความปลอดภัย ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย ดังนั้นจึงศึกษาเปรียบเทียบการพยาบาลผู้คลอดที่มีภาวะความดันโลหิตสูงเนื่องจากการตั้งครรภ์ เป็นการเปรียบเทียบกรณีศึกษา (Case  study) จำนวน 2 ราย เพื่อแสดงให้เห็นแนวทางการพยาบาลที่ให้การดูแล รักษาพยาบาลผู้คลอดที่มีภาวะทางอายุรกรรมชัดเจน โดยในการศึกษาใช้ทฤษฎี การประเมินภาวะสุขภาพของกอร์ดอน 11 แบบแผนกระบวนการพยาบาล และหลักการ D-METHOD 


ผลการศึกษา  กรณีศึกษาที่ 1 และ 2 มีภาวะความดันโลหิตสูงจากการตั้งครรภ์ สิ่งที่แตกต่างคือ กรณีศึกษารายที่ 2 อายุครรภ์ ไม่ครบกำหนดคลอด และพบว่ามีอาการหรืออาการแสดงที่บ่งชี้ว่าโรคมีความรุนแรงหรือเรียกว่า severe features คือปวดศีรษะ ตามัว จุกแน่นลิ้นปี่ ความดันเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ160/110 มิลลิเมตรปรอทและอาการของโรคอาจพัฒนาเป็นกลุ่มอาการ Hemolytic anemia Elevated Liver enzyme Low Platelet count (HELLP syndrome)3 ซึ่งมีความรุนแรงมากขึ้น นอกจากการป้องกันภาวะชัก จำเป็นต้องให้ยา Steroid แก่ผู้คลอด เพื่อกระตุ้นการสร้างสาร surfactant2 ของปอดทารก ก่อนยุติการตั้งครรภ์ด้วยการส่งไปโรงพยาบาลเครือข่ายเพื่อผ่าตัดคลอด ซึ่งภายหลังที่ผู้คลอดได้รับการพยาบาล พบว่าผู้คลอด ไม่มีภาวะชัก ไม่มีภาวะตกเลือดหลังคลอด หรือได้รับอันตรายรุนแรงจนกระทั่งพิการหรือเสียชีวิต จากการศึกษาครั้งนี้  รายที่ 1 G2 P1A0L1 GA 40 สัปดาห์ 6 วัน มารดาคลอดปกติทางช่องคลอด ทารกคลอดอย่างปลอดภัย น้ำหนักแรกคลอด 3,090 กรัม Apgar score 9-10-10 คะแนน ระยะนอนพักในโรงพยาบาล 3 วันและรายที่ 2 G1P0A0L0 GA 33 สัปดาห์ 6 วัน มารดาคลอด C/S ทารกคลอดอย่างปลอดภัย น้ำหนักแรกคลอด 1,660 กรัม Apgar score 6-8-9 คะแนน ระยะนอนพักในโรงพยาบาล 6 วัน แสดงให้เห็นว่าพยาบาลมีบทบาทสำคัญในการดูแลผู้คลอด ตั้งแต่ประเมินแรกรับ การรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยทางการพยาบาล วางแผนการพยาบาล ปฏิบัติการพยาบาล ประเมินผล ในทุกช่วงระยะตั้งแต่แรกรับจนถึงระยะการจำหน่ายส่งต่อไปยังโรงพยาบาลแม่ข่าย โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ซึ่งสามารถนำมาเป็นแนวทางในการดูแลสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
บุษบงก์, พย.บ. ส. (2025). การพยาบาลผู้คลอดที่มีภาวะความดันโลหิตสูงเนื่องจากการตั้งครรภ์ : กรณีศึกษา เปรียบเทียบ 2 ราย โรงพยาบาลยางชุมน้อย: Nursing Care for Mother with Pregnancy Induced Hypertension: Two case studies,Yang Chum Noi Hospital. วารสารวิจัยและพัฒนาสุขภาพศรีสะเกษ, 4(2), p. 254–268. สืบค้น จาก https://he03.tci-thaijo.org/index.php/SJRH/article/view/4260
ประเภทบทความ
กรณีศึกษา

เอกสารอ้างอิง

คณะอนุกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. 2556-2558 แนวทางปฏิบัติของราชวิทยาลัยสุตินรี แพทย์ แห่งประเทศไทย เรื่อง การดูแลภาวะครรภ์เป็นพิษ [เข้าถึงเมื่อ 9 กันยายน 2566] เข้าถึงได้จาก :http://www.rtcog.or.th/home/wpcontent/uploads/2020/09/OB-018

- การดูแลภาวะครรภ์เป็นพิษ.pdf

จันทร์เพ็ญ อยู่ยง, ศินีนาถ อุ่นเมือง, วาสนา ปานไธสงค์. การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลหญิง ตั้งครรภ์ที่มีครรภ์เป็นพิษรุนแรงห้องคลอด โรงพยาบาลชัยภูมิ. วารสารวิชาการสำนักงาน สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม 2565;6(12):131–43.

จิราภรณ์, โพธิ์กาศ. (2566). การพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ชนิด รุนแรงร่วมกับภาวะแทรกซ้อน: กรณีศึกษา 2 ราย. วารสารโรงพยาบาลนาหยอด, 40(1), 85–94. https://nayok.moph.go.th/web/wp- content/uploads/2024/01/11.%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B2 %E0%B8%A0%E0%B8%A3 %E0%B8%93%E0%B9%8C- %E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E 0%B8%B2%E0%B8%A3.pdf สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครนายก

วิลาวัณ ทรงยศ. ผลลัพธ์การตั้งครรภ์ของสตรีที่มีความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์. [อินเตอร์เน็ต]. 2565. [ สืบค้น]เมื่อ 1 มกราคม 2567]. ค้นได้

จาก:URL: https://www.vachiraphuket.go.th/links/cfee.

สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข, 2567.รายละเอียดตัวชี้วัดกระทรวงสาธารณสุขปี 2568. ที่มาจาก : https://spd.moph.go.th/kpi-template- %E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E 0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0% B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%87- %E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88-2/

สมาคมสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย. (2563). แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับภาวะความดันโลหิตสูงใน หญิงตั้งครรภ์ (Hypertensive disorders in pregnancy). https://www.rtcog.or.th

เสนธิริ, พ., ศรีสงค์, ส., อินทรเกษม, ศ., พรหมประกาย, ร., & โกพลรัตน์, ข. (2561). การพัฒนา รูปแบบการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงโดยใช้การจัดการผู้ป่วยรายกรณี ร่วมกับการสนับสนุนทางสังคม. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 36(2), 234–245. https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jnat-ned/article/view/139859ThaiJo2.1: Thai Journal Online+1ThaiJo2.1: Thai Journal Online+1

สุพัตรา ศิริโชติยกุล, ธีระ ทองสง. ความดันโลหิตสูงในขณะตั้งครรภ์. ธีระ ทองสง, บรรณาธิการ.

สูติศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 6.กรุงเทพฯ: บริษัทลักษมีรุ่ง; 2564.

Cunningham, F.G., et al (Eds.). Wiliams OBSTETRICS (24th ed). New York, NY: McGraw-

Hill Education. 2014;728-70.

Haram, K., Svendsen, E., & Abildgaard, U. (2009). The HELLP syndrome: Clinical issues

and management. A Review, BMC Pregnancy and Childbirth, 9(8). https://doi.org/10.1186/1471-2393-9-8

Karumanchi, S. A., Lim, H.,& August, P. Preeclampsia: Pathogenesis. [Internet]. 2016

[cited 2018 May 1]; Available from:

http://www.uptodate.com/contents/preeclampsiapathogenesis?topicKey=-

OBGYN%2F6760&elapsedTimeMs=6&view=print&displayedView=full

Lowdermilk, D. L., Perry, S. E., Cashion, K., & Alden, K. R. (2019). Maternity and women's health care (12th ed.). Elsevier.

Sibai, B. M. (2004). Diagnosis and management of gestational hypertension and preeclampsia. Obstetrics & Gynecology, 102(1), 181–192. https://doi.org/10.1097/01.AOG.0000129212.70613.5d

Wold Health Organization. WHO recommendations for prevention and treatment

pre- eclampsia and eclampsia. [Internet]. 2011 [cited 2018 May 1]; Availab

http://www.who.int/reproductivehealth

/publications/maternal_perinatal_health/9789241548335/en/