ผลของโปรแกรมส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดโดยการมีส่วนร่วมของครอบครัวคลินิกเคมีบำบัด แผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
คำสำคัญ:
โปรแกรมส่งเสริมพฤติกรรม,, ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด,, การมีส่วนร่วมของครอบครัวบทคัดย่อ
ภูมิหลัง: การรักษาด้วยยาเคมีบำบัดเป็นการรักษาหลักที่แพทย์เลือกใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งผู้ป่วยและผู้ดูแลต้องเผชิญกับอาการไม่พึงประสงค์จากยาเคมีบำบัดเป็นระยะเวลานานและต่อเนื่อง ผู้ดูแลผู้ป่วยจึงมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือผู้ป่วย
วัตถุประสงค์: วัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดโดยการมีส่วนร่วมของครอบครัว ระหว่างกลุ่มทดลองหลังได้รับโปรแกรมส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดโดยการมีส่วนร่วมของครอบครัว และกลุ่มควบคุมหลังได้รับการพยาบาลในรูปแบบปกติ
วิธีการศึกษา: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-experimental research) สองกลุ่มมีการวัดก่อนและหลังการทดลอง กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดแบบผู้ป่วยนอกที่เข้ารับการรักษาในคลินิกเคมีบำบัด แผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จำนวน 40 คน และสมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดที่เข้ารับการรักษาในคลินิกเคมีบำบัด แผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2567 จำนวน 40 คน คัดเลือกแบบเจาะจง ตามเกณฑ์คุณสมบัติที่กำหนด เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบความเชื่อมั่นจากผู้ทรงคุณวุฒิ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ สถิติทดสอบค่าที Independent t-test
ผลการศึกษา: การมีส่วนร่วมของครอบครัวผ่านโปรแกรมส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดช่วยเพิ่มความรู้และพฤติกรรมการดูแลของสมาชิกในครอบครัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยกลุ่มทดลองมีคะแนนความรู้และพฤติกรรมการดูแลสูงกว่ากลุ่มควบคุมหลังการทดลอง (P < .001) ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพของโปรแกรมที่พัฒนาขึ้น
สรุปผล: หน่วยงานควรพัฒนาและเผยแพร่โปรแกรมนี้ไปยังครอบครัวของผู้ป่วยมะเร็งในโรงพยาบาลอื่น ๆ เพื่อเพิ่มทักษะและความรู้ของผู้ดูแลในครอบครัวให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ควรมีการติดตามผลระยะยาวเพื่อประเมินผลลัพธ์ที่ยั่งยืนของโปรแกรม
References
International Agency for Research on Cancer. The Global Cancer Observatory Thailand-FactSheets-2018.2019. [Online]. Retrieved from http://gco.iarc.fr/today/data/factsheets/populations/764-thailand-fact-sheets.pdf
มะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย. ทำความรู้จักกับยาเคมีบำบัด บทความวิชาการ [อินเทอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 24 กรกฎาคม2564]. เข้าถึงได้จาก: http://thethaicancer.com/Webdocument/People_article/People_article_002.html
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ. คู่มือมาตรฐานการทำงานเกี่ยวกับยาเคมีบำบัดและการดูแลผู้ป่วยหลังได้รับยา.กรุงเทพฯ: นิวธรรมดาการพิมพ์. 2560.
ปรารถนา กันทอน. ประสิทธิผลของโปรแกรมส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดของผู้ดูแล. หลักสูตรสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต วิชาเอกการจัดการการสร้างเสริมสุขภาพ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. 2564.
Cancer care. Caregiving for Your Loved One with Cancer. Retrieved from https://media. cancercare.org /publications/original/1-ccc_caregiver.pdf. Cancer care. (2018). Understanding and Managing Chemotherapy Side Effects. 2019. Retrieved from https://media.cancercare.org/ publications/original/24-ccc_chemo_side_effects.pdf
เฉลิมศรี แนวจำปา, จงจิต เสน่หา, วิมลรัตน์ ภู่วราวุฒิพานิช, นพดล โสภารัตนาไพศาล. (2557). ประสบการณ์การมีอาการ กลวิธีการจัดการกับอาการและภาวะการทำหน้าที่ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะ IV ที่ได้รับเคมีบำบัด.วารสารสภาการพยาบาล, 2557 : 29(1); 15-28.
วารุณี มีเจริญ. ญาติผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็ง การปรับตัวต่อบทบาทและการส่งเสริมคุณภาพชีวิต. รามาธิบดีพยาบาลสาร, 2557 : 20(1); 10-22.
Williams, D. R. & House, J. S. Stress, social support, control and coping: a social epidemiological view. In Bernhard Badura & Ilona Kickbusch (Eds.). 37 (Series Ed.), Health promotion research Towards a new social epidemiology (pp. 147): WHO Regional Publications European. 1991.
Barber, F. D. Effects of Social Support on Physical Activity, Self-Efficacy, and Quality of Life in Adult Cancer Survivors and Their Caregivers. Oncology Nursing Forum, 2013: 40(5); 481.
Bandura, A. Self-Efficacy the Exercise of Control. W.H. Freeman and Company, New York. 1997.
House, J. S. Work stress and social support. Retrieved May 20, 2020, 1981. from http://books.google.com/books?id=qO2RAAAAIAAJ
สุวิมล ว่องวาณิช และนงลักษณ์ วิรัชชัย. แนวทางการให้คำปรึกษาวิทยานิพนธ์.กรุงเทพมหานคร: ศูนย์ตำราและเอกสารทางวิชาการ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 2546.
Bloom, Benjamin S., et al. Handbook on Formative and Summative Evaluation of Student. Learning. New York: McGraw-Hill Book Company. 1971.
The American Cancer Society. Cancer screening in the United States, 2019: A review of current American Cancer Society guidelines and current issues in cancer screening. CA Cancer J Clin. 2019 May 2019: 69(3); 184-210. doi: 10.3322/caac.21557.
พรนภา ไชยอาสา. ผลของโปรแกรมการส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนและการสนับสนุนทางสังคม ต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารในผู้สูงอายุที่เป็นเบาหวาน . มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ : เชียงใหม่. 2550. DOI : https://doi.nrct.go.th/ListDoi/listDetail?Resolve_DOI=10.14457/CMU.the.2007.726
Cronbach, LJ. Essentials of Psychological Testing. 3rd ed.New York: Haper and Row.Republisher. 1974.
Ford, M. E., Tilley, B. C., & McDonald, P. E. Social support, self-efficacy, and quality of life among African Americans with chronic illness. Journal of Community Health, 2013: 38(4); 716-723. https://doi.org/10.1007/s10900-013-9677-7
McCorkle, R., Ercolano, E., Lazenby, M., Schulman-Green, D., Schilling, L. S., Lorig, K., & Wagner, E. H. Self-management: Enabling and empowering patients living with cancer as a chronic illness. CA: A Cancer Journal for Clinicians, 2011: 61(1); 50-62. https://doi.org/10.3322/caac.20093
Northouse, L. L., Katapodi, M. C., Song, L., Zhang, L., & Mood, D. W. Interventions with family caregivers of cancer patients: Meta-analysis of randomized trials. CA: A Cancer Journal for Clinicians, 2012: 60(5); 317-339. https://doi.org/10.3322/caac.20081.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.