ผลของการใช้แอพพลิเคชั่นในการให้ข้อมูลผู้ป่วยเพื่อเตรียมผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (CABG-Coronary Artery Bypass Grafting) ของแผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
คำสำคัญ:
แอพพลิเคชั่น,, ผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ,, โรคหลอดเลือดหัวใจ,, แผนกผู้ป่วยนอกบทคัดย่อ
ภูมิหลัง: โรคหัวใจขาดเลือดเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตทั่วโลก โดยการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Bypass Grafting: CABG) เป็นวิธีการรักษาที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพในการเพิ่มอัตราการรอดชีวิตและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดมีผลกระทบต่อความสำเร็จของการรักษาและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน รูปแบบการให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วยแบบดั้งเดิม เช่น แผ่นพับหรือการสอนแบบเผชิญหน้า อาจไม่เพียงพอหรือมีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลที่ครบถ้วนและต่อเนื่อง ดังนั้น การพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วย CABG จึงเป็นแนวทางที่สามารถช่วยให้ผู้ป่วยมีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
วัตถุประสงค์การวิจัย: (1) เพื่อศึกษาผลของการใช้แอปพลิเคชันในการให้ข้อมูลผู้ป่วยที่เตรียมผ่าตัด CABG เปรียบเทียบกับการใช้แผ่นพับ (2) เพื่อประเมินระดับความรู้ของผู้ป่วยเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวก่อนการผ่าตัด CABG (3) เพื่อวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้ป่วยที่ได้รับข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน
ระเบียบวิธีการวิจัย: การศึกษานี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-experimental Research) โดยใช้แบบแผนการวิจัยแบบ two-group, pre-posttest design กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยที่เตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัด CABG ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จำนวน 50 ราย แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง (ใช้แอปพลิเคชัน) 25 ราย และกลุ่มควบคุม (ใช้แผ่นพับ) 25 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แอปพลิเคชันสำหรับให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด แบบสอบถามความรู้ของผู้ป่วย และแบบประเมินความพึงพอใจ แบบสอบถามได้รับการตรวจสอบความตรงด้านเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่าน และค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามด้านความรู้ของผู้ป่วยโดยใช้ Cronbach’s alpha coefficient เท่ากับ 0.85 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและ t-test เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ระหว่างกลุ่ม
ผลการวิจัย: ก่อนการทดลอง พบว่า ระดับความรู้ของผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p > 0.05) โดยกลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยความรู้ก่อนใช้แอปพลิเคชัน (M = 10.44, SD = 4.55) และกลุ่มควบคุม (M = 10.12, SD = 3.33) อย่างไรก็ตาม หลังจากการให้ข้อมูลพบว่า กลุ่มทดลองมีระดับความรู้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ p < 0.05 โดยมีค่าเฉลี่ย (M = 16.32, SD = 1.93) ในขณะที่กลุ่มควบคุมมีค่าเฉลี่ย (M = 13.04, SD = 3.91) แสดงให้เห็นว่าการใช้แอปพลิเคชันช่วยให้ผู้ป่วยได้รับความรู้ที่ดีกว่าการใช้แผ่นพับแบบเดิม นอกจากนี้ ความพึงพอใจของผู้ป่วยที่ได้รับข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในด้าน ความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลและความสามารถในการทบทวนข้อมูลตามความต้องการ
สรุปผล: ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า การใช้แอปพลิเคชันในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด CABG มีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้แผ่นพับ ในการเพิ่มความรู้ของผู้ป่วย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความพึงพอใจของผู้ป่วยในการรับข้อมูล การนำแอปพลิเคชันมาใช้ในแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตอาจช่วยลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์และเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการข้อมูลสุขศึกษาแก่ผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
References
กองสถิติเศรษฐกิจสำนักงานสถิติแห่งชาติ.(2564). สรุปผลที่สำคัญสำรวจการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2563.กรุงเทพฯ. กองสถิติพยากรณ์สำนักงานสถิติแห่งชาติ.
ขนิษฐา นันทบุตร, และคณะ. (2552). แผนที่การวิจัยกับวิชาชีพการพยาบาล. กรุงเทพฯ. บริษัท ทีคิวพี จำกัด
จรัญ สายะสถิต. (2561). ศัลยศาสตร์โรคหัวใจที่พบบ่อย Comon Cardiac Surgery ฉบับปรับปรุง.(พิมพ์ครั้งที่ 2). พิษณุโลก: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยนเรศวร.
จันทกานต์กาญจนเวทางค์,ธรา อั่งสกุล,ปัทมา ทองดีและแมนวัฒน์ โชคสุวัฒนสกุ.(2561).การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์บนอุปกรณ์สื่อสารชนิดพกพาสำหรับส่งเสริมสุขภาพสตรีตั้งครรภ์(เพร็ก-แคล3.0).โครงการวิจัยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี.สืบค้น 15 พฤศจิกายน 2565, จากhttp://sutir.sut.ac.th:8080/jspui/bitstream/123456789/7648/2/fulltext.pdf
จันทร์จิรา เจียรนัย.(2556). การพยาบาลแบบองค์รวม.นครราชสีมา: สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี. สืบค้น 18 กรกฎาคม 2563, จากhttps://www.slideserve.com/sonnagh/holistic-nursing
จันทร์เพ็ญ สันตวาจา, อภิญญา เพีบวพิจารณ์, และรัตนาภรณ์ศิริวัฒน์ชัยพร.(2553). แนวคิดพื้นฐาน ทฤษฎี และกระบวนการพยาบาล. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ : บริษัทธนาเพรสจำกัด.
ธำรง จิรจริยาเวช. (2550). ตำราศัลยศาสตร์. (พิมพ์ครั้งที่10). กรุงเทพฯ. อินเตอร์พริ้น.
พรรณี เสถียรโชค,และประดิษฐ์โชค ชัยเสรี. (2536). โรคหัวใจขาดเลือด. ใน สมชาติ โลจายะ (บ.ก.), ตำราโรคหัวใจและหลอดเลือด. กรุงเทพ: สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย. 9.รูปแบบการสอน ADDIE (ADDIE Model). สืบค้น 18 กรกฎาคม2563.จากhttp://jenjiva-su.blugspot.com/2018/02/addie-addie-model.html
วนิดา ดุรงค์ฤทธิชัย,ณัฐณภัทรวัฒนเดชาสกุล, รัชนี ผิงผ่อง, และสุวรรณี มงคลรุ่งเรือง.(2559). แนวปฏิบัติการพยาบาลสำหรับผู้ป่วยผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ:จากการสังเคราะห์งานวิจัยสู่การนำไปปฏิบัติ. วารสารมฉก.วิชาการ, 20(39),143-156. สืบค้น 13 สิงหาคม 2565, จาก https://journal.hcu.ac.th/pdffile
สำนักการพยาบาล.(2550). มาตรฐานการพยาบาลในโรงพยาบาล. ปรับปรุงครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ :กรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุข.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.