Development of Knowledge in Health Care for the Dependent Elderly of Caregivers Khunhan District, Sisaket Province

Main Article Content

วิสิฐศักดิ์ พิริยานนท์

Abstract

การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงปฏิบัติการ มีวัตถุประสงค์เพื่อ เพื่อศึกษาและพัฒนาความรู้และความรอบรู้ในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุของผู้ดูแลผู้สูงอายุ และเพื่อเปรียบเทียบรู้และความรอบรู้ในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงของผู้ดูแลก่อนใช้โปรแกรมและหลังใช้โปรแกรม กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในเขตพื้นที่อำเภอขุนหาญ จำนวน 150 คน เลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการเลือกแบบเจาะจง เก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างเมษายน – พฤษภาคม 2566 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ โปรแกรมพัฒนาความรู้และความรอบรู้ด้านสุขภาพในการดูแลผู้สูงอายุ โดยมีผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความเหมาะสมของเนื้อหา (Content Validity) และแบบสอบถามการวิจัยเรื่องความรอบรู้ ในการดูแลสุขภาพของผู้ดูแล มีทั้งหมด 6 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป ส่วนที่ 2 แบบวัดการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ  ส่วนที่ 3 แบบวัดการเข้าใจข้อมูลสุขภาพ ส่วนที่ 4 แบบวัดการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพ ส่วนที่ 5 แบบวัดการประยุกต์ใช้ข้อมูลสุขภาพ และส่วนที่ 6 ความรู้ในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ทดสอบความเชื่อมั่นโดยใช้สูตรสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค (Cronbach’s alpha) เท่ากับ 0.87 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา โดยการแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยก่อนและหลังดำเนินการด้วยสถิติ Paired t-test


            ผลการวิจัยพบว่า ความรอบรู้ในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงของผู้ดูแลโดยรวม พบว่า ผู้ดูแล  ส่วนใหญ่มีความรอบรู้ด้านสุขภาพโดยรวมอยู่ในระดับมาก (ร้อยละ 90.00) โดยมีค่าเฉลี่ยความรอบรู้ด้านสุขภาพ เท่ากับ 34.62 (S.D. = 5.12 และมีความรู้ในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงส่วนใหญ่อยู่ในระดับปานกลาง (ร้อยละ 93.3) โดยมีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 13.22 (S.D. = 1.51) หลังใช้โปรแกรมพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพในการดูแลผู้สูงอายุของผู้ดูแล ผู้ดูแลมีความรอบรู้ในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงมากกว่าก่อนใช้โปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และหลังใช้โปรแกรมผู้ดูแลมีความรู้ในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงมากกว่าก่อนใช้โปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

Article Details

How to Cite
พิริยานนท์ ว. (2023). Development of Knowledge in Health Care for the Dependent Elderly of Caregivers Khunhan District, Sisaket Province. Sisaket Journal of Research and Health development, 2(พิเศษ), p. 22–30. retrieved from https://he03.tci-thaijo.org/index.php/SJRH/article/view/1405
Section
บทความวิจัย

References

ปาริชาต รัตนราช, กชพงศ์ สารการ และไพรวัลย์ โคตรตะ. (2563) ศักยภาพผู้ดูแลผู้สูงอายุที่สอดคล้องกับบริบทวัฒธรรมท้องถิ่นอีสาน. วารสารพยาบาลทหารบก ปีที่ 21(1),147-156

ฐานข้อมูลสารสนเทศด้านสุขภาพจังหวัดศรีสะเกษ. (2566). สืบค้นจากhttps://ssk.hdc.moph.go.th/hdc/

วัชราพร, เชยสุวรรณ. (2560). ความรอบรู้ด้านสุขภาพ : แนวคิดและการประยุกต์สู่การปฏิบัติการพยาบาล. วารสารแพทย์นาวี, 44(3), 182-197.

Deeken F, Rezo A, Hinz M, Discher R, & Rapp MA. (2019). Evaluation of technology-based interventions for informal caregivers of patients with dementia-a meta-analysis of randomized controlled trials. The American Journal of Geriatric Psychiatry : Official Journal of the American Association for Geriatric Psychiatry, 27(4), 426-445.

Department of Older Persons. (2021). สถิติผู้สูงอายุ [Statistics on older persons]. Retrieved from https://www.dop.go.th/th/statistics

Foundation of Thai Gerontology Research and Development institute. (2016). This report, situation of the Thai elderly. Bangkok: Author. Retrieved from https://thaitgri.org/?p=38427 (in Thai)

Sorensen, Kristine, et al. (2012). Health literacy and public health: A systematic review and integration of definitions and models. BMC Public Health, 12(1), 80.

United Nations. (2021). World population prospects 2019: Highlights. Retrieved from https://population.un.org/wpp/Publications/Files/WPP2019_10KeyFindings.pdf

World Health Organization. (2017). World report on ageing and health. World Health Organization.