การศึกษาปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยได้รับในหัตถการทางรังสีร่วมรักษาระบบลำตัวโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
คำสำคัญ:
ปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยได้รับ,, ค่าปริมาณรังสีอ้างอิง,, รังสีร่วมรักษาบทคัดย่อ
ภูมิหลัง: รังสีร่วมรักษาเป็นหัตถการที่มีเป้าหมายในการให้การรักษาแก่ผู้ป่วยผ่านทางหลอดเลือด โดยการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์จำเพาะที่มีขนาดเล็กหรือสารอนุภาคขนาดเล็กใส่เข้าไปในร่างกายของผู้ป่วยเพื่อการวินิจฉัยและรักษาโดยเครื่องเอกซเรย์หลอดเลือดเพื่อนำทางในการทำหัตถการซึ่งจะใช้เวลาที่ค่อนข้างนานกว่าการเอกซเรย์ทั่วไปและขึ้นอยู่กับพยาธิสภาพของผู้ป่วย ส่งผลทำให้ผู้ป่วยได้รับปริมาณรังสีมากขึ้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการนำค่าปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยได้รับมาวิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบกับค่าอ้างอิงทั้งของประเทศไทยและต่างประเทศ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยได้รับจากการตรวจทางรังสีร่วมรักษาระบบลำตัวของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และนำไปเปรียบเทียบกับค่าปริมาณรังสีอ้างอิง ของการตรวจทางรังสีร่วมรักษาระบบลำตัวจากการศึกษาอื่นๆ
วิธีการศึกษา: เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาแบบย้อนหลัง โดยเก็บข้อมูลผู้ป่วยที่ได้รับการทำหัตถการทางรังสีร่วมรักษาระบบลำตัวโดยรังสีแพทย์ในโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จำนวน 210 ราย ระยะเวลาตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 ถึงเดือนมิถุนายน 2566 โดยศึกษาใน 3 หัตถการคือ การให้สารเคมีบำบัดเฉพาะที่ผ่านทางหลอดเลือดแดงรักษามะเร็งตับ การฉีดสารอุดหลอดเลือดที่ผิดปกติระบบลำตัว และการใส่สายระบายน้ำดีผ่านทางผิวหนัง
ผลการศึกษา: พบว่าหัตถการให้สารเคมีบำบัดเฉพาะที่ผ่านทางหลอดเลือดแดง ผู้ป่วยได้รับปริมาณรังสีสะสมเฉลี่ยสูงสุด 189.07 เกรย์ต่อพื้นที่ตารางเซนติเมตร ใช้เวลาในการเอกซเรย์เฉลี่ย 26.87 นาที ส่วนหัตถการระบายน้ำดีออกจากตับผ่านทางผิวหนัง ผู้ป่วยได้รับปริมาณรังสีสะสมเฉลี่ยต่ำสุด 9.09 เกรย์ต่อพื้นที่ตารางเซนติเมตร ใช้เวลาในการเอกซเรย์เฉลี่ย 3.41 นาที ส่วนการใช้สารอุดหลอดเลือดที่ผิดปกติระบบลำตัว ผู้ป่วยได้รับปริมาณรังสีสะสมเฉลี่ย 52.34 เกรย์ต่อพื้นที่ตารางเซนติเมตร ใช้เวลาในการเอกซเรย์เฉลี่ย 19.17 นาที
สรุปผล: ค่าปริมาณรังสีสะสมจากงานวิจัยนี้ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับปริมาณรังสีอ้างอิงมาตรฐานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข 2564 และมาตรฐานสากลพบว่าค่าปริมาณรังสีสะสมจากการศึกษานี้มีค่าน้อยกว่าค่าอ้างอิงมาตรฐาน
References
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. (2564). ค่าปริมาณรังสีอ้างอิงในการถ่ายภาพรังสีวินิจฉัยทางการแพทย์ของประเทศไทย 2564. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: บริษัท บียอนด์ พับลิสชิ่ง จำกัด.
นิตยา ทองประพาฬ, พรรณี สมจิตประเสริฐ, และ วิชุดา สิริเมธาธโนปกรณ์. (2553). ภาวะผิวหนังลอกไหม้จากการได้รับรังสีเกินกำกนด. วาสารชมรมรังสีเทคนิคและการพยาบาลเฉาะทางรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษาไทย, 4(1), 18-20.
ปวริศร ทิมาสาร, สุรภี อ่ำโต, วชิราภรณ์ ดีภา, ชัยณรงค์ นวลคล้าย, และ พิรญา สุขศิวกร, (2565). การสำรวจปริมาณรังสีอ้างอิงที่ผู้ป่วยได้รับจากการรักษามะเร็งตับโดยวิธีทีเอซีอี ของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล. วารสาร Mahidol R2R e-journal, 10(2), 28-42.
พงษ์ศักดิ์ แสงครุฑ, คง บุญคุ้ม, เอนก สุวรรณบัณฑิต, และ วิทวัช หมอวัง. (2550). ปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยได้รับจากการตรวจรักษาทางรังสีร่วมรักษา. วารสารชมรมรังสีเทคนิคและการพยาบาลเฉพาะทางรังสีหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษไทย, 2(1), 57-59.
พิไลพร ฉัตราธิกุล, (2564). การประเมินคุณภาพทางคลินิกของภาพหลอดเลือดจากการลดปริมาณรังสีในหัตถการรังสีร่วมรักษาทางระบบประสาทในสถาบันประสาทวิทยา. วารสารกรมการแพทย์, 45(4), 91-100.
ยุทธนา เนตวงศ์, (2560). การประเมินปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยจากการถ่ายภาพรังสีวินิจฉัยทั่วไปในสถาบันประสาทวิทยาโดยใช้ค่าผลคูณปริมาณรังสีที่กับพื้นที. วารสารกรมการแพทย์, 45(3), 90-97.
วราภรณ์ ศิลาวิเศษ, อมรรัตน์ มังรักษา, สมศักดิ์ วงศ์ษานนท์, บรรจง เขื่อนแก้ว, เอมอร ไม้เรียง, และ เพชรากร หาญพานิชย์, (2557), การจัดการได้รับรังสีขณะใช้เครื่องฟลูออโรสโคปีย์ฉายรังสีแบบลูกคลื่นระหว่างการใส่สายระบายน้ำดีผ่านทางผิวหนังในผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี. ศรีนครินทร์เวชสาร, 29(3), 231-236.
วลัย เงาดี, (2564). ปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยได้รับจากการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาลสิชล. วารสารโรงพยาบาลนครพงค์, 12(2), 97-107.
วิวัฒน์ โอวศิริกุล, วรนุช เอี่ยมปา, ทิพวิมล มีไชย, ไขแสง ชูแสงสุนทร, และ นภาพงษ์ พงษ์นภางค์, (2560). การประมาณค่าปริมาณรังสีผ่านเข้าผิวหนังของการถ่ายภาพเอกซเรย์ระบบดิจิตอลโดยใช้ค่าผลคูณปริมาณรังสีกับพื้นที่ที่หน้าจอแสดงผล. สงขลานครินทร์เวชสาร, 35(4), 343-350.
ศุทวิทุ สุขเพ็ง. การวัดปริมาณรังสีเอกซ์จากการตรวจวินิจฉัยและแนวทางการใช้รังสีอย่างเหมาะสม. พิษณุโลก. สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยนเรศวร . 2559
ศุภขจี แสงเรืองอ่อน, (2562), การป้องกันอันตรายจากรังสีในงานรังสีวินิจฉัย. เวชสารแพทย์ทหารบก, 72(4), 279-287.
สมศักดิ์ วงษ์ศานนท์, วิชัย วิชชาธรตระกูล, วัฒนา วงษ์ศานนท์, (2552). ปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยได้รับจากการตรวจทางรังสีร่วมรักษาระบบลำตัว. ศรีครินทร์เวชสาร, 24(4), 339-343.
สรจรส อุณห์ศิริ,โชติกา จำปาเงิน, ทวีป แสงแห่งธรรม, อัญชลี กฤษณจินดา, และ ศิวลี สุริยาปี. (2550). ปริมาณรังสีที่บุคลากรทางการแพทย์ได้รับในงานบริการทางรังสีร่วมรักษา. J Med Assoc Thai, 90(4), 283-288.
American Medical Association. (2002, August 23). Chicago The Association c1995-2002 AMA Office of Group Practice Liaison. สืบค้นเมื่อ 10 กรกฎาคม 2566, เข้าถึงได้จาก http://www.ama-assn.org/ama/pub/category/1736.html
Annas GJ. (2011, June 15). The resurrection of a stem-cell funding barrier--Dickey-Wicker in court. N Engl J Med. สืบค้นเมื่อ 11 กรกฎาคม 2566, เข้าถึงได้จาก http://www.nejm.org/doi/pdf/10.1056/NEJMp1010466
Hassen AE, Amelot S. Radiation exposure during neuro-interventional procedures in modern biplane angiography system: a single-site experience. Interv Neurol 2017;6:105-16.
Health Information and Quality Authority. (07 June 2021). Diagnostic Reference Level. สืบค้นเมื่อ 26 มิถุนายน 2566, เข้าถึงได้จาก http://hiqa.ie/sites/default/files/2021-07/diagnostic-Reference-Levels
Japan Network for Research and Information on Medical Exposure (J-RIME). (7 11 2020). Nation Diagnostic Reference Levels in Japan. สืบค้นเมื่อ 17 กรกฎาคม 2566เข้าถึงได้จาก http://www.radher.jp/J-RIME/report/DRL2020
Radiology, (2007), Journal of Thai radiological technologists and nurses club in vascular and interventional radiology, 38-45.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.